สัมภาษณ์พิเศษ: “สติ ศังขวนิช” : ขุนพล “อามานะฮ์ฯลิสซิ่ง”บนถนนสินเชื่อน้องใหม่
    
                   สำนักข่าวอะลามี่:  " ...เศรษฐศาสตร์อิสลามอาจไกลตัวจากคนไทย แต่ในโลกการเงิน อิสลามิคไฟแนลเชี่ยล กำลังโต และเป็นธุรกิจครบวงจร ซึ่งเป็นไปตามกลไกลของเศรษฐกิจโลก เพียงแต่สินเชื่อในระบบอิสลามไม่มีดอกเบี้ยเท่านั้น..” 

                   "สติ ศังขวนิช" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อามานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) บอกกับเราในโอกาสที่ให้สัมภาษณ์พิเศษ "สำนักข่าวอะลามี่" หลังจากที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เข้าไปซื้อกิจการนวลิสซิ่ง โดยถือหุ้นใหญ่ 49 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น " บริษัทอามานะฮ์ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนกันยายน 2553 ที่ผ่านมา พร้อมกับเทเงินก้อนโต 200 ล้านบาท เพื่อปรับสภาพคล่องบริษัทจากเดิมที่ขาดทุน มาเป็นกำไร 1.8 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2553 ที่ผ่านมา               

                   สติ บอกว่า สำหรับรูปแบบการบริการบริษัทอามานะฮ์ ลิสซิ่ง ให้บริการทั้งเช่าซื้อ (รถเก่า-รถใหม่) สินเชื่อเอทีเอ็ม (Amanah Auto To Money) รับจำนำทะเบียนรถยนต์  บริการธุรกิจเช่ารถ และปล่อยสินเชื่อกับภาคอุตสาหกรรม และเร็วๆนี้เรากำลังคลอดโปรดักซ์ใหม่ คือ ธุรกิจบริการจัดหาคนขับรถ ซึ่ง ธุรกิจของอามานะฮ์ ลิสซิ่ง จะต้องดำเนินตามนโยบายระบบของหลักการศาสนาอิสลาม(ชารีอะฮ์)   

                   สำหรับภารกิจแรกหลังเข้ามาบริหาร เขาบอกว่า ในปีแรกจัดระเบียบภายในและจัดกระบวนพร้อมกับปรับปรุงภาพลักษณ์ ภาพพจน์ของบริษัทให้เท่าเทียมกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ ในฐานะที่เป็นบริษัทแม่ เพื่อเตรียมตัวรุกตลาดเต็มที่นับจากนี้ไป               

                  นอกจากนี้ยังนำ " นวเอ็กเพรส " มาปัดฝุ่นใหม่พร้อมกับเปลี่ยนเป็น"อามานะฮ์ เอ็กเพรส" ซึ่งในระยะยาว เราจะเปิดช่องให้เราดำเนินการเป็นตัวแทนของสถานบันการเงิน(Banking Agent)              

               "อะมานะฮ์ เอ็กเพรส" มี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.แบบคลาสสิก เป็นตัวแทนขาย และแนะนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ มีโครงสร้างรายได้เป็นค่าคอมมิสชัน 2.แบบโกลด์ เป็นตัวแทนขายและแนะนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อและสินค้าธนาคาร และ 3. แบบไทเทเนียม สามารถเป็นตัวแทนขายทั้งคลาสสิกและโกลด์ ซึ่งจะเทียบเท่ากับสาขาของบริษัทฯ"            

                 สติ บอกว่า ปัจจุบัน อามานะฮ์ ฯมีสาขาทั่วประเทศ 8 แห่ง ภายในปี 54 จะเปิดเพิ่มอีก 10 สาขาทั้งภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ 5 แห่ง และในพื้นที่ภาคเหนืออีก 5 สาขา ส่วน อามานะฮ์เอ็กเพรส ปัจจุบันมีอยู่แล้ว 370 สาขา เมื่อรวมกันแล้วเราจะมีช่องทางการตลาดมากถึงร่วม 400 สาขา         

                 “รูปแบบการทำงานของเราจะแตกต่างจากลิสซิ่ง อื่น ที่ไปฝากสาขากับบริษัทแม่ หรือ ธนาคาร แต่ อามาะนะห์ ลิสซิ่ง จะสนับสนุนการทำงานของธนาคารอิสลาม เนื่องจากเรามีสาขาและช่องทางการตลาดมากกว่า “      

                สำหรับอัตราการเติบโตของอามานะฮ์ นับตั้งแต่การเข้ามาบริหารกิจการตั้งแต่ปี 53 พบว่ามีอัตราที่ก้าวหน้าตลอดโดยเมื่อสิ้นปี 53 ปล่อยสินเชื่อไป100 ล้านบาท กลางปี 54 ขยับมาที่ 1.5 ร้อยล้านบาท และ สิ้นปี 54นี้ คาดว่าจะอยู่ประมาณ 2.5 ร้อยล้านบาท              

                สติ บอกถึงเป้าหมายการดำเนินงานว่า นับตั้งแต่ปี 55 เป็นต้นไป บริษัทฯจะสามารถเดินหน้าได้เต็มสูบ เพราะในปีแรกๆ เราได้สร้างพื้นฐานและปรับตัวภายในองค์กรจนมั่นใจว่า ในช่วง 3 ปี จากนี้ไป ตั้งแต่ปี 2554-2556 จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้อยู่ที่ประมาณ10,000 ล้านบาทหรือ ขยายตัวได้10 เท่าตัว และ อีก 5 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้าหมายไว้ว่า อามานะฮ์ฯจะติดอันดับ 5หรือ TOP-5 ของ ธุรกิจปล่อยสินเชื่อรายย่อย              

                "พันธกิจสำคัญจากนี้ไปอีก5 ปีข้างหน้า เราจะไต่อันดับธุรกิจให้ติดอันดับ5 หรือTOP-5 ในวงการสินเชื่อรายย่อย บนพื้นฐานการบริหารในระบบชารีอะห์ "สติ กล่าวและว่า          

               ส่วนในเรื่องการแข่งขัน บริษัทฯมีฐานลูกค้าที่ชัดเจนคือ ฐานลูกค้าที่เป็นมุสลิม ขณะที่เปิดกว้างรับลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิม ทั้งนี้จะสามารถดึงลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่การให้บริการและการอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้บริการ     

                 " อีกตลาดที่เราสนใจและกำลังศึกษาคือ อุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ฮาลาล (SME Halal) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 2,000 บริษัท โดยผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องใช้เครื่องจักรในอุตสาหกรรม ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพการผลิต อีกทั้งอุตสาหกรรมฮาลาลนับวันจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง " สติกล่าว            

             และในอนาคต "อามานะฮ์ ลิสซิ่ง"จะร่วมให้บริการผลิตภัณฑ์ของธนาคารอิสลามฯและนั่นจะทำให้ในอนาคต " อามานะฮ์ ลิสซิ่ง"จะก้าวสู่ธุรกิจสินเชื่อครบวงจรอย่างแท้จริง