สู่เส้นทางฝันกับประสบการณ์นักเรียนไทยในจอร์แดน
โดย : มูฮำหมัดกอดาฟี เซ็งมะ รายงานจากจอร์แดน
สำนักข่าวอะลามี่ : ผมได้เดินทางสู่เมือง อิรบิบ และเมืองชารอซ ของประเทศจอร์แดน เมื่อเร็วๆนี้ โดยได้เข้าพบกับ อธิบดีมหาวิทยาลัยชารอซ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยหวังว่าจะความรู้และประสบการณ์นำไปพัฒนาความคิดของบัณฑิต ในประเทศไทยในอนาคต
มหาลัยชารอซ เป็นมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ในประเทศจอร์แดน ที่โดดเด่นการเรียนการสอน โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1993
การเดินทางมาในครั้งนี้ รู้สึกปลื้มใจและภาคภูมิใจ อันเนื่องจากทางมหาวิทยาลัยชารอซ ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
นับเป็นโอกาสที่ดี ที่ผมได้มาที่นี่ เพื่อหวังว่าจะไปพัฒนาการศึกษา ให้กับเยาวชนรุ่นหลัง
“มนุษย์ก่อนจะจากโลกใบนี้ ทุกคนต้องฝากสิ่งสำคัญ อันพึงเป็นประโยชน์ของผู้คนในโลกนี้”
อันที่จริงแล้ว ประเทศจอร์แดน เป็นประเทศที่ไม่มีอะไรพิศวงมากนัก นอกจากแร่และทะเลทราย ผมมีโอกาสศึกษาอยู่ในประเทศนี้อยู่หลายเดือน เพื่อที่จะเรียนรูและนำมาเปรียบกับระบบการศึกษาในประเทศไทย เพื่อหวังว่า จะนำมาพัฒนาอนาคตของเยาวชนของไทยในอนาคต
สังคมการศึกษาในอนาคต ฐานความรู้ และการมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการสื่อสาร เป็นทีสำคัญอย่างมาก.
สังคมไทยยุคใหม่ จะเป็นสังคมเข้มแข็งและมีคุณภาพ ประเทศไทยจะมีบทบาทสูงในประชาคมโลกสังคมไทยจะเป็นสังคมเข้มแข็ง และเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ มีการปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างการบริหาร การเมืองและการจัดการศึกษาให้มีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นโดยเปิดโอกาสให้ทุกส่วนของสังคม มีส่วนร่วมอันจะเป็นระบบที่เอื้อต่อการพัฒนาสังคมไทยที่ยั่งยืน
ประเด็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิรูป
นั่นคือ เรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาจากภายนอก ทั้งนี้เพราะระบบการศึกษาที่ผ่านมาไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือ คุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนเท่าที่ควร ทำให้คุณภาพของไทยไม่สามารถแข่งขันได้
แต่จะทำเฉพาะปฏิรูปการเรียนรู้ ก็จะไม่บังเกิดผลเท่าที่ควร จำเป็นต้องปฏิรูปเรื่องอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกันกับการปฏิรูปการเรียนรู้ โดยเฉพาะการปฏิรูปหลักสูตรและการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ไม่เพียงเท่านั้น การประกันคุณภาพการศึกษา ปฏิรูปครู และบุคลากรทางการศึกษา
ผมได้ตั้งความหวังว่าในปี 2015 จะกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง และหวังว่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนในอนาคต
ทั้งนี้จะเห็นว่าในระยะเวลาเกือบ 20ปีผ่านมา ประเทศไทย ไม่สามารถเดินไปสู่การเป็นศูนย์แห่งการศึกษา ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย กลับประกาศตัวเองเป็นประเทศศูนย์กลางของการศึกษาในภูมิอาเซี่ยน
อย่างไรก็ตามความฝันของนักศึกษาในต่างแดนคนหนึ่ง ยังคงหวังว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้นำทางทางด้านการศึกษาของเอเชีย และเป็นแหล่งการเรียนรู้ทางเลือกสมัยใหม่ที่ผสมผสาน
เพียงแต่หากรัฐบาลไทยคิดที่จะทุ่มเท เรื่องงบประมาณพัฒนาการศึกษาให้จริงจังและให้ความสำคัญด้านการศึกษามากกว่าการเอางบไปถมทางสร้างถนน และเชื่อว่า...ในวันนั้น ความฝันของผม คงอยู่ไมไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน.