เบื้องหลังชัยชนะ “ พี่หลวงคร”
ล้ม “ ไพร พัฒโน ” ศึกใน ปชป.
หากจะกล่าวว่า “ กระแสเปลี่ยน “ ทำให้ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี หรือ ทีมพี่หลวงคร ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเทศบาลนครหาดใหญ่ ก็ไม่ผิด แต่ในมิติทางการเมืองยิอมมีอะไรมากกว่าที่เห็น
ความจริงแล้ว พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี อดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เริ่มสนใจการเมืองด้วยการชักชวน ของ ไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ หลังจากที่เคยมีความคิดที่จะลามือจากการเมือง พร้อมเปิดทางให้ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ลงสมัครนายกฯ แทน โดยมีการเจรจาลงลึกว่า จะยกสมาชิกสภาฯ ภายใต้ทีม “ หาดใหญ่โปร่งใส” ในยุคที่ ไพร นำทัพกรุยทางสู่ นายกเทศบาลนครหาดใหญ่ สมัยแรกให้ทั้งหมด และเป็นขุนศึกสนามเลือกตั้งทุกเขตด้วย
หลังจากได้รับการทาบทาม พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ก็เริ่มชิมลางและเดินสายเปิดตัวระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า ไพร พัฒโน เริ่มเปลี่ยนความคิด เมื่อถูกทัดทานจากคนในตระกูล โดยน้องชายที่ชื่อ พฤกษ์ พัฒโน อดีตรองนายกฯ เองก็สนใจที่จะลงตำแหน่งนายกฯ เช่นกันหาก ไพร ฯ สละเก้าอี้ดังกล่าว
สุดท้าย พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี เริ่มรู้ชะตาว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ ไพร จะเปิดทาง จึงหาสนามเลือกตั้งใหม่ โดยหันไปเปิดตัวเพื่อลงสมัครสมัคร นายก อบจ. สงขลา แทน นิพนธ์ บุญญามณี หลังจากลุกจากตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา ก้าวขึ้นเป็น มท.2 แต่กระนั้นในระหว่างการเดินชิมลางหาเสียง ปรากฏว่าการตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร ประกอบกับฐานเสียง สจ.หลายคน ก็ไม่เห็นด้วย ทำให้ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี เริ่มถอดใจจากสนามเลือกตั้งท้องถิ่น
ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจาก พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี แม้ว่าจะเป็นอดีตนายตำรวจที่คลุกคลีกับหาดใหญ่ และ จังหวัดสงขลา ก็ตาม แต่ฐานเสียงส่วนตัวยังไม่มากพอที่จะสนับสนุนตัวเองสู่เก้า นายกนายก อบจ. และ เก้าอี้นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่
ขณะเดียวกัน นายกชาย หรือ เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ สงขลา ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับกับ นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส. ปชป.สงขลา หลายสมัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เจรจาตกผลึกที่จะสนับสนับสนุน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ลงชิงเก้าอี้ นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่
ทำให้ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี จึงเกิดแรงฮึดมาอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มถอดใจไปก่อนหน้านี้ ซึ่งงานนี้ นายกชาย หรือ เดชอิศม์ ขาวทอง ประกาศว่า พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี หรือ พี่หลวงคร แพ้ไม่ได้
ในที่สุด พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี จึงจัดทีมเพื่อวางตัวทีมบริหาร พร้อมดึง สัมฤทธิ์ บุญรัตน์ เพื่อนสนิท ไพร พัฒโน และ อดีตรองนายกฯ ในยุค ไพร มานั่งเป็น รองนายกฯ เจษฎาพงศ์ ชูแก้ว (สจ.รักษ์) อดีต สจ.เขต 4 สงขลา ที่มีฐานเสียงการเมืองท้องถิ่นในระดับหนึ่งมาเป็นแรงหนุน
ส่วน ดร.วิชัย กาญจนสุวรรณ นับเป็นนักวิชาการ ที่ได้รับการยอมรับและเป็นคนตำบลคูเต่า บ้านเดียวกับ พล.ต.ท.สาครฯ เช่นกัน มาเป็นแรงหนุน อาหมัด เบ็ญอาหลี นักวิชาการ และอดีตรอง ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 ที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มมุสลิมหาดใหญ่ เป็นรองนายกฯ
หากจะย้อนกลับชัยชนะของ ไพร พัฒโน ในสมัยที่ล้มทายาท สุวรรณวงค์ อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ หลายสมัย ไม่เพียงแต่ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไพร ที่พูดเก่ง มีวาทะศิลป์ดี แต่การประกาศตัวในนาม ” ทีมหาดใหญ่โปร่งใส” ในครั้งนั้น ยังเป็นการรวมพลของคนในตระกูล พัฒโน และ สุวรรณวงค์ ตระกูลบุญรัตน์, ทองวงศ์ , อรัญดร, คชสิริ และอื่นๆ ประมาณ 7 ตระกูล บวกกับกระแสของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม 13 สมาคมจีนหาดใหญ่ ในที่สุดก็ล้ม ตระกูล สุวรรณวงศ์ ที่ยึด สภานครหาดใหญ่มายาวนานได้สำเร็จ
แต่กระนั้น หลังจาก ไพร พัฒโน เป็นนายกฯ เริ่มมีความห่างเหินกับพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากพ้นตำแหน่ง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ไพร ก็ทิ้ง ปชป. โดยมาสนับสนุน พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล จากทีมพลังประชารัฐ ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา แต่ก็พ่ายแพ้ในที่สุด
เมื่อถึงสนามเลือกตั้ง เทศบาลนครหาดใหญ่ แม้ก่อนหน้า ไพร เคยประกาศว่าจะไม่ลงสมัคร แต่สุดท้ายก็กลับคำเดินหน้าลงสมัคร พร้อมนำพาพลพรรคเดิม สู่สนามเลือกตั้งชิงนายกเทศนตรีนครหาดใหญ่ โดยมีคู่แข่งหลักๆ 3 คน ประกอบด้วย
นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือปลัดแป้น อดีตปลัดจังหวัดสงขลาและนายอำเภอหาดใหญ่ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี อดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ นายไพร พัฒนโน ดีกรีเจ้าของเก้าอี้ ส่วนคู่แข่งรายอื่น แทบไม่ใช่คู่แข่ง
สำหรับ นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือ ปลัดแป้น นับเป็นม้ามืดที่ลงชิงชัยในสนามนี้ เพราะก่อนหน้านี้คิดว่า ไพร จะไม่ลงสมัคร ครั้นเดินหน้าหาเสียงไประยะหนึ่ง ปรากฏว่า ไพร หันหางเสือกลับมาลงชิงนายก ฯ ด้วยความเป็นคนเดินหน้าแล้วไม่ถอย จึงเดินลงสู่สนามเลือกตั้งเต็มที่ แม้จะไม่ชนะเป็นที่ 1 แต่การที่ ปลัดแป้น มีคะแนนเสียงมากกว่า ไพร พัฒโน ก็ถือว่าเป็นชัยชนะในสนามนี้แล้ว
ผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 เบอร์ 1 นายณรงค์พร ณ พัทลุง ได้ 14,876 คะแนนเบอร์ 2 นายไพร พัฒโน ได้ 11,858 คะแนน เบอร์ 3 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ได้ 30,417 คะแนน ขณะที่ สมาชิกสภา 24 คน เป็นของทีม พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี จำนวน 23 คน ส่วนอีกคนเป็นทีมของนายไพร พัฒโน ที่หลุดมาเพียงคนเดียวเท่านั้น
หากจะดูเบื้องหลังชัยชนะในครั้งนี้ของ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี หรือ พี่หลวงคร ไม่เพียงแต่ กระแสการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเท่านั้น แต่การวางกลยุทธของ ทีม พี่หลวงคร ยังมีกลุ่มมดงาน ที่ทำงานทั้งพลพรรคประชาธิปัตย์ และแขนขาของ เดชอิศม์ ขาวทอง และ ถาวร เสนเนียม
โดยเฉพาะ สัมฤทธิ์ บุญรัตน์ ที่ถูกวางให้เป็นรองนายกเทศมนตรี หากดูผิวเผินอาจไม่มีบทบาทมากนัก แต่ด้วยเป็นคนนิ่ง พูดน้อย แต่มีประสบการณ์เป็นอดีตรองนายกฯและเป็นเพื่อนสนิทของ ไพร พัฒโน
อีกทั้ง “ ตระกูลบุญรัตน์ “ ก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่วมหัวจมท้ายกับไพร ในการล้มตระกูลสุวรรณวงศ์ ก่อนหน้านี้ จึงมีข้อมูลเชิงลึกสกัดทีมไพร ได้มากเลยทีเดียว
“ การเลือกตั้งในครั้งนี้ มีตระกูลแจ้งเเกิดทางการเมือง ใหม่ ได้รับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 ตระกูลพรรณราย (นิยม พรรณราย) อดีต สจ . ที่เคยพ่ายแพ้ต่อทีมไพร มาในอดีต วันนี้ สามารถล้างตา ส่วน เขต 2 ตระกูลบุญราช (ถ.สามชัย) ตระกูลมณีโชติ(คลองเรียน) ตระกูลทิพวาศรี(บ้านกลางนา) โดยเฉพาะในพื้นที่เขต 3 ตระกูลประทุมชาติภักดี ตระกูลชูกำเนิด รวมทั้ง อาทิตย์ สุวิทย์ (ลูกอดีต ส.ส วิจิตร สุวิทย์)..ผมคัดเลือกเอง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่แข็งมาก เพราะเป็นบ้านเกิดของ ไพร พัฒโน และ ประธานสภาฯ ” สัมฤทธิ์ บุญรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ เสียงของคนในเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เคยหวาดหวั่น หากมีการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อมีชื่อ สัมฤทธิ์ ซึ่งอดีตเป็นรองนายกฯ ถูกวางให้นั่งเป็นรองนายกฯของทีมพี่หลวงคร อีกครั้ง ทำให้เสียงที่เคยหวาดหวั่นกับการเปลี่ยนแปลง ก็ลดลงได้มากพอสมควร
ชัยชนะของ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ยังมีอดีตผู้ว่าฯ สงขลา สมพร ใช้บางยาง ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่ม 13 สมาคมจีนหาดใหญ่ ซึ่งว่ากันว่า คุมเสียงของคนจีนหาดใหญ่ และเป็นเสียงที่ชี้ชะตา ของผู้ที่จะมาเป็น นายกฯหาดใหญ่ ได้มากพอสมควร
ไม่เพียงเท่านั้น คนหาดใหญ่ ก็มีวิจารณญาณที่ดีว่า จะมอบอำนาจให้กับใครมาบริหารและนำพาหาดใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้เสนอตัวหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่มีคะแนนเสียงที่มากพอ
นี่คือส่วนหนึ่งเบื้องหลังชัยชนะของ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี หรือ พี่หลวงคร ที่ฝ่ากระแสคำวิจารณ์ที่ว่า ไม่ใช่คนหาดใหญ่ดั้งเดิม ได้ในที่สุด.