ศอ.บต.ดึงผู้นำศาสนา ประชาสังคม
รวมพลัง”โดดเดี่ยว”ต่อต้านความรุนแรง
สำนักข่าวอะลามี่ : ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน รวมพลัง “ โดดเดี่ยว” ผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นกิจกรรมที่ ศอ.บต.ร่วมกับภาคีเครือข่าย ร่วมกันต่อต้านและยุติความรุนแรงในชายแดนใต้
วันนี้ (21 มกราคม 2562) ที่ ห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บริหาร ศอ.บต. นำโดย พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ผู้แทนจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มผู้นำศาสนา พระภิกษุสงฆ์ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำภาคการศึกษา องค์กรภาคประชาสังคม เครือข่ายสื่อมวลชน กลุ่มเยาวชน กลุ่มบัณฑิตอาสา กลุ่มพลังสตรี และภาคประชาชนทั่วไป ร่วมประชุมแถลงการณ์ต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อต่อต้านและยุติความรุนแรง ในห้วงที่ผ่านมา
พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้มีความเปราะบาง มีความรุนแรงเกิดขึ้นในห้วงที่ผ่านมามีความสูญเสียของพี่น้องในพื้นที่ทั้งพี่น้องชาวพุทธหลายครั้ง จนครั้งล่าสุดคือ การมรณภาพของพระสงฆ์ซึ่งเป็นพระที่ประจำอยู่ที่ อ.สุไหงปาดี เป็นการสูญเสียผู้นำศาสนาพุทธ
นอกจากนี้ยังเกิดเหตุความรุนแรงต้องสูญเสียผู้นำศาสนาอิสลาม สูญเสียพี่น้องชาวพุทธ สูญเสียพี่น้องมุสลิมมาอย่างต่อเนื่อง
“ วันนี้เป็นเวลาที่ดีจึงได้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเป็นการเริ่มต้น โดยใช้คำว่า “ ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากันเพื่อรวมพลัง โดดเดี่ยว ผู้ที่ก่อเหตุรุนแรง” จึงเชิญทุกภาคส่วนมาพบปะเพื่อทำความเข้าใจว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องมาร่วมและจับมือกัน ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่กำลังก่อความรุนแรง “
พลเรือตรีสมเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ได้รับคำแนะนำจากหลายภาคส่วน ซึ่งเราเห็นความชัดเจนว่า ศาสนาอิสลามไม่สนับสนุนการก่อความรุนแรงทุกประการ เราได้รับฟังจากพระคุณเจ้า ว่าพี่น้องชาวพุทธไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกประการ เราได้ยินชัดเจนว่า พี่น้องพุทธและมุสลิม มีความรักความสามัคคีอยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน
ด้าน พระครูวิสิฐพรหมคุณ เจ้าอาวาสวัดพรหมนิวาส จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ปัจจุบันถ้าหากใช้กำลังคงจะไม่สำเร็จ การที่ ศอ.บต. จัดกิจกรรมเช่นนี้คิดว่ามาถูกทาง
“ ถ้า ศอ.บต.มีแนวทางทำแบบนี้ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ขอความร่วมมือให้ทุกคนออกมาช่วยกัน มาร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น และ เพื่อให้คนไม่ดีที่มีส่วนน้อยอ่อนกำลังลงไป”
ด้าน นายอับดุลอาซิซ เจ๊ะมามะ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้เป็นกิจกรรมที่ดีมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่มาแสดงเจตนารมณ์ของคนในพื้นที่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งวันนี้ได้มาพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น ในฐานะผู้นำศาสนา การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต้องให้ความสำคัญกับหลักศาสนาและการศึกษา
“ ถ้าเราสามารถนำสองอย่างมาปฏิบัติและมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาจะดีขึ้นระดับหนึ่ง “
นายอับดุลอาซิซ กล่าวว่า สำหรับหลักศาสนาอิสลามมีทั้งหลักอิสลามที่ถูกต้องและหลักอิสลามที่บิดเบือน เราจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่า หลักที่ถูกต้องของศาสนาอิสลาม มีอะไรบ้างเพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ต่อไป
ขณะตัวแทนกลุ่มสตรีภาคประชาสังคม ซึ่งเข้าร่วมโครงการให้ความเห็นว่า การใช้ความรุนแรงเป็นเงื่อนไขของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ต้องการให้พื้นที่เกิดความวุ่นวายและความขัดแย้ง จึงอยากให้ทุกฝ่ายมีสติ และตั้งใจพิจารณากับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และวิธีการแก้ไขต้องดำเนินการอย่างไร
“เราจะต้องลดการฟังข่าวลือที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ที่อาจมีความบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ทำงานอย่างจริงจัง เพื่อยุติความรุนแรงที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เร็วที่สุด”
สำหรับกิจกรรม “ ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากันเพื่อรวมพลัง โดดเดี่ยว ผู้ที่ก่อเหตุรุนแรง” จะจัดต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและปัตตานี เพื่อรวมพลังและร่วมต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
หมายเหตุ: ตีพมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับกุมภาพันธ์ 2562