Anwar Ibrahim is back The way from MP to PM
By Ekthawat Nazri Mukem
สำนักข่าวอะลามี่ : หลังจากพรรค Pakatan Harapan ของ นายอันวาร์ อิบราฮีม ชนะการเลือกตั้งซ่อม ที่เมือง Port Dickson รัฐปีนัง อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก็ได้รับสถานะทางการเมืองอีกครั้ง ในนามของ MP Port Dickson
เส้นทางจากนักโทษ สู่เส้นทางการเป็นนักการเมือง ที่ไร้ข้อหาติดตัวในตลอดระยะ20ปี ที่ผ่านมา ดูเหมือนไม่ง่ายเลยสำหรับอันวาร์ ที่ต่อสู้อย่างหนักกับรัฐบาลของ UMNO ที่นำโดยมหาธีร์ อดีตศัตรูที่เคยจับอันวาร์ เข้าคุกเมื่อครั้งสมัยทำงานให้กับพรรค UMNO เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และถูกข้อหาต่างๆเรื่อยมานับแต่นั้น หนักสุดก็คือข้อหารักร่วมเพศ จนทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และต้องอยู่ในคุกเป็นเวลารวมทั้งหมด 11ปี
แต่นัยทางการเมืองก็เป็นไปได้เสมอในเรื่องที่ว่า “ ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร”
การกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของมิตรและพูดด้วยความจริงใจว่า " ผมยอมรับว่าอดีตเคยสู้กับมหาธีร์ แต่ปัจจุบันผมร่วมสู้กับเขา และผมขอพูดไว้ตรงนี้ว่า ไม่มีใครอีกแล้วที่เหมาะสมยิ่งไปกว่า ดร.มหาธีร์ ในการเป็นผู้นำของมาเลเซีย” อันวาร์ กล่าว
จากนี้ไปปฎิเสธไม่ได้เลยว่า อนาคตและทิศทางของมาเลเซียมีแนวโน้มที่จะสามารถกลับมาเป็นเสือแห่งอาเซียนได้อีกครั้ง แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ ดร.มหาธีร์ กลับต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งเช่นกันในการนำพามาเลเซียพ้นวิกฤติหนี้สาธารณะที่มากเป็นประวัติการณ์ของประเทศ และกรรมเก่าที่รัฐบาลของนาย นายิบ ราซัค ได้ฝากเอาไว้
ระยะเกือบ1ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นมาเลเซียกลับมามีบทบาทมากขึ้นในเวทีอาเซียน และวีรกรรมที่คนทั่วทั้งอาเซียนได้ประจักษ์ก็คือการยกเลิกโครงการที่มีเงินทุนมหาศาลของจีน และบอกเหตุผลไปดื้อๆแค่เพียงว่า “ เราไม่มีเงินไปจ่ายคุณหรอก” ซึ่ง ดร.มหาธีร์ เองก็ยอมรับว่าโปรเจ็คของจีนที่รัฐบาลของ นายนายิบ ได้ไปตกลงไว้มีประโยชน์อยู่พอควรกับมาเลเซีย แต่ถึงอย่างไรผลเสียก็มีมากกว่าอยู่ดี
วันนี้รัฐบาลมาเลเซียเริ่มมาตรการรัดเข็มขัด และสั่งลดเงินเดือนข้าราชการระดับสูง ที่มีมากจนเกินความจำเป็น ทำเอาประเทศข้างๆอย่างไทยสะเทือนบ้าง แต่ก็ยังคงดำเนินนโยบายเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการภาครัฐต่อไป
ขณะเดียวกันรัฐบาลมหาธีร์ยุคใหม่นี้ ก็มีมาตรการเรื่องภาษีออกมา เพื่อนำเงินมาปลดหนี้ประเทศ ถึงแม้จะมีกระแสต่อต้านบ้าง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อถือในตัวของ ดร.มหาธีร์และพันธมิตรร่วมรัฐบาลของเขาว่าจะสามารถนำพามาเลเซียกลับสู่ยุคทองอีกครั้งได้
จากเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่า อันวาร์ สามารถพิสูจน์ตัวเองให้กลับมาอยู่ในสถานะที่พร้อมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจาก ดร.มหาธีร์ แล้ว และร่วมทำงานกับ ดร.มหาธีร์ ในการกำหนดอนาคตทิศทางของมาเลเซียให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
โดยเฉพาะเป้าหมายแรกต่อจากนี้ก็คือ การปลดหนี้ประเทศ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้ประชาชนชาวมาเลเซียกลับมาเชื่อมั่นในตัว ดร.มหาธีร์ อย่างที่เคยเป็นเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จัก “ดร.มหาธีร์ มูฮัมมัด “ ในฐานะผู้นำของมาเลเซียยุคใหม่ ที่ไม่ใช่ในรูปของพรรค UMNO แต่เป็น PH และตัวเขาเองที่ได้ให้สัญญาไว้ว่าตัวเขาจะรีไทร์จากตำแหน่งในปี 2020 (ดร.มหาธีร์จะมีอายุ 95 ปี) ซึ่งนั่นก็เหลือเวลาสำหรับ อันวาร์ แค่หนึ่งปีเศษๆในการเตรียมรับช่วงต่อจาก ดร.มหาธีร์