The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   แนวโน้มสถานการณ์ถึงจุดเดือดในซาอุดิอาระเบีย

ศึกราชวงค์ซาอุฯ แนวโน้มสถานการณ์ถึงจุดเดือดในซาอุดิอาระเบีย

โดย   ผศ. ดร. วิศรุต เลาะวิถี

         ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการอิสลามและอาหรับศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต

                สำนักข่าวอะลามี่: สถานการณ์ความคืบหน้า กรณีการสอบสวนคดีคอรัปชั่นช็อกโลกของซาอุดิอาระเบีย พบว่า มีผู้ต้องสงสัยพัวพันมากกว่า 200 คน และมีเงิน ที่ถูกยักยอกผ่านการรับสินบนเป็นมูลค่าอย่างน้อย 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


              ขณะนี้ ทางการซาอุดิอาระเบียกำลังสอบสวนคดีคอรัปชั่น โดยสอบปากคำผู้ต้องสงสัยมากว่า 200 คน และประเมินด้วยว่า มีการปล้นชาติผ่านการรับสินบนเป็นมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 ล้าน 3 แสนล้านบาท และมีการขยายผลการสืบสวนไปนอกประเทศซาอุดิอาระเบียอีกด้วย

              เชค ซาอุด อัล-มุญีบ อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีเงินอย่างน้อย 1 แสนล้านดอลลาร์ ถูกยักยอกผ่านการคอรัปชั่นอย่างเป็นระบบมาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งในจำนวนผู้ที่ถูกสอบปากคำมากกว่า 200 คน มีเพียง 7 คนเท่านั้น ที่ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ได้ถูกตั้งข้อหาใดๆ แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยชื่อบุคคลเหล่านั้นแต่อย่างใด

                จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีเจ้าชายหลายสิบพระองค์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงและ นักธุรกิจชื่อดัง รวมทั้งรัฐมนตรีและมหาเศรษฐีอีกหลายคนถูกจับกุมแบบสายฟ้าแลปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกำลังถูกสอบสวนอย่างเคร่งเครียด ซึ่งถูกมองว่า เป็นการกระชับฐานอำนาจขององค์มกุฎราชกุมารมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน การสอบสวนยังขยายผลไปถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE หลังจากธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทการเงินต่างๆ ของ UAE ได้รับการร้องขอ ให้มอบข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของชาวซาอุดิอาระเบีย 19 คน รวมทั้งเจ้าชายอัล-วาลีด บินทาลาล ผู้มีฐานะมั่งคั่งติดอันดับโลก พระนัดดาของกษัตริย์ซัลมาน กับเจ้าชายมิเต็บ บิน อับดุลลอฮ์ อดีตรัฐมนตรีป้องกันชาติ ซึ่งเป็นพระโอรสของอดีตกษัตริย์อับดุลลอฮ์

               ทั้งนี้ บรรดานายธนาคารใน UAE ระบุว่า ทางการ UAE ไม่ได้อธิบายเหตุผลถึง ต้องการข้อมูลจากบัญชีธนาคารของชาวซาอุดิอาระเบีย ทั้ง 19 คน ว่าเอาไปทำอะไร แต่ก็เชื่อว่ากระทำในนามของรัฐบาล ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งสั่งอายัดบัญชีของธนาคารในประเทศแล้วกว่า 1,700 ราย ขณะที่UAE โดยเฉพาะที่ดูไบ ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นหนึ่งในดินแดนที่ชาวซาอุดิอารเบียที่มีฐานะมั่งคั่ง จะนิยมนำเงินไป พักไว้ นอกจากจะเอาเงินไปฝากตามธนาคารแล้ว ยังซื้ออพาทเม้นท์และคฤหาสน์ที่หรูหรา รวมถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย

               แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายงานว่า มีมหาเศรษฐีซาอุดิอาระเบียบางคน ได้ขายทรัพย์สินในซาอุดิอาระเบีย, UAE และในประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อพยายามจะโยกเงินหนีการ กวาดล้าง รวมทั้งมีการเทขายหุ้นอย่างดุเดือดในริยาร์ด ส่วนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ต่างร่วงกราวรูด เพราะนักลงทุนเกิดปริวิตกเกี่ยวกับผล กระทบจากการถอนตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของ นักลงทุนชาวซาอุดิอาระเบีย

               นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารระหว่างประเทศแห่งหนึ่งกล่าวว่า ธนาคารได้อายัดบัญชีจำนวนหนึ่ง ทั้งในและนอกราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ตามข้อเรียกร้องรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกจับกุม ในขณะที่นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบียและต่างชาติต่างวิตกว่า การกวาดล้างครั้งนี้ จะกระทบเศรษฐกิจของประเทศ หากการอายัดบัญชีทำให้การชำระเงินชะลอออกไป และบริษัทต่าง ๆ ก็จะระมัดระวังเรื่องการลงทุนมากยิ่งขึ้น

               สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียครั้งนี้ ย่อมส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจและระบบการเมืองการปกครองของประเทศอย่าง ปฎิเสธมิได้ยิ่งกว่านั้น กระแสการแย่งชิงอำนาจภายในราชวงศ์ด้วยกันเอง ก็จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น อาจจะถึงขั้นเลือดตกยางออก ก็เป็นได้


               จึงทำให้มีผู้วิเคราะห์หลายคนมองตรงกันว่า เมื่อราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ตกเป็นเครื่องมือให้กับประเทศมหาอำนาจบางประเทศแล้ว นอกจากจะชักชวนประเทศอาหรับใกล้เคียงให้เป็นศัตรูกับกาตาร์แล้ว ยังจะมีส่วนทำให้เจ้าชายในราชวงศ์เดียวกันเป็นศัตรูกันอีกด้วย

              แน่นอน ความสงบสุขภายในประเทศก็จะเหือดหายไป กลับกลายเป็นการเผชิญหน้ากัน และเป็นศัตรูที่คลานตามกันมาอย่างแน่นอน

            แล้ว “วันนี้” เราจะหวังอะไรกับประเทศที่เป็นต้นแบบแห่งอิสลาม ณ กาลนี้ พึงช่วยกันขอ “ดุอาอ์” ต่อพระผู้เป็นเจ้ากันเถิด!