สัมผัสจิตวิญญาณชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์
โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
สำนักข่า่วอะลามี่ : เมื่อครั้งผู้เขียนได้เดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2528 ที่นครมักกะห์ เพื่อนของผู้เขียนชื่อว่า “ นิสิต นุ้ยแอ ” ปัจจุบันเปิดบริษัทกิจการฮัจญ์ “หจก. นาทวีบิสเน็สแอนด์ทราเวลา” เพื่อนผู้นี้ได้แนะนำผู้เขียนให้รู้จักกับฮุจยาตชาวมลายูจากเกาะสอง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
นั้นเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้รับรู้ว่ามีชาวมลายูอาศัยอยู่ในประเทศเมียนมาร์ จากนั้นกว่าสิบปี ต่อมา ผู้เขียนเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ที่นั่นมีการลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์กระแสหลักของมาเลเซีย ถึงการที่ชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานและตั้งถิ่นฐานในประเทศมาเลเซีย สร้างปัญหาทางเศรษฐกิจต่อประเทศมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นการต้องรับภาระค่าการรักษาพยาบาล ภาระงบประมาณสนับสนุนทางการศึกษา
ในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ครูคนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงโรงเรียนของเขาว่า มีชาวมลายูจากประเทศเมียนมาร์มาเรียนถึงกว่าครึ่งโรง ทำให้ผู้เขียนมีความสนใจมากขึ้นถึงความสัมพันธ์ของชาวมลายูจากประเทศเมียนมาร์กับประเทศมาเลเซีย
ยิ่งครั้งหนึ่งลูกพี่ลูกน้องของผู้เขียน ในตอนนั้นทำงานโรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้พาหญิงชายคู่หนึ่งจะเข้าพักที่โรงแรม แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เขาจึงพาชายหญิงคู่นั้นมาที่บ้านพักของเขา ซึ่งขณะนั้นผู้เขียนและแม่มาเยี่ยมลูกพี่น้อง ได้พบกับผู้หญิงและบอกแก่แม่ผู้เขียนว่าเธอถูกหลอก เราจึงไล่ผู้ชายไป จนญาติพี่น้องฝ่ายหญิงหาตัวจนพบและมั่นใจว่าเธอปลอดภัย
จากนั้น เราจึงมอบหญิงสาวคนนั้นต่อครอบครัวเธอที่เดินทางมาจากฝั่งมาเลเซีย
นอกจากนั้น ตันสรีอิสมาแอลฮุสเซ็น หนึ่งในนักปราชญ์มลายูศึกษา ได้เขียนบทความลงในวารสาร “Warta Gapena” ซึ่งเป็นวารสารของสมาพันธ์นักเขียนแห่งชาติมาเลเซีย ขณะที่ท่านเป็นประธานของสมาพันธ์นักเขียน และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลานชายภรรยาผู้เขียนได้เดินทางไปยังเกาะสอง ประเทศเมียนมาร์ พร้อมเพื่อนๆ และพักที่ชุมชนชาวมลายูที่นั่นสองสามคืน ดังนั้นการรับรู้ถึงการมีอยู่ของชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะนักศึกษามลายูศึกษา มอ. ปัตตานี มีแผนจะเดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศมาเลเซีย เป็นบทความต่างๆ ที่ชาวมาเลเซียเคยเดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ ส่วนในประเทศไทยเรียกว่าแทบจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์เลย
“ คล้ายกับว่าชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ไม่มีอยู่ในสาระบบความเป็นพี่น้องของมุสลิมไทย กลับกันข้อมูลชาวจามมุสลิมในประเทศลาว แม้จะมีเพียงสองสามร้อยคน กลับมีข้อมูลตามบทความต่างๆ มากมาย ”
ผู้เขียนยิ่งเศร้าใจ เมื่อนักศึกษามลายูศึกษาผู้หนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ประสานงานในการเดินทางไปสัมผัสชุมชนมลายูในประเทศเมียนมาร์ครั้งนี้ เธอได้ติดต่อสอบถามกับอดีตผู้นำนักศึกษาท่านหนึ่ง ก็ได้รับคำตอบว่า เกาะสองไม่ปลอดภัย เกาะสองไม่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องแสดงแผนที่ที่ตั้งของชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ โดยผ่านระบบ Google Earth สำรวจชื่อชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ ปรากฏว่ามีชื่อชุมชนชาวมลายูที่ชื่อเป็นภาษามลายูหลายชุมชนด้วยกัน เช่น กำปงเตองะห์, กำปงฮูลู, กำปงเมะปูเตะห์, กำปงปาเซร์ปันยัง, กำปงลามา นั่นเป็นสิ่งที่ย้ำให้เรามั่นใจได้ว่าเกาะสองมีความสำคัญทางจิตวิญญาณสำหรับชาวมลายูนอกประเทศเมียนมาร์แน่นอน
การเดินทางของคณะนักศึกษามลายูศึกษา มอ. ปัตตานีในครั้งนี้ ก่อนเดินทางไปสัมผัสชุมชนชาวมลายูในเกาะสอง คณะเราได้เดินทางไปสัมผัสชุมชนชาวมลายูที่เกาะสินไห จังหวัดระนอง
เกาะสินไห มีชื่อเป็นภาษามลายูว่า ปูเลาปีไง ชาวบ้านชาวเกาะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะเป็นชาวมุสลิม ที่พูดภาษามลายู สำเนียงเคดะห์ การสัมผัสชุมชนชาวเกาะสินไหครั้งนี้ ทำให้คณะเราสัญญาว่าคณะเราจะไปเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง ด้วยยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เราต้องช่วยเหลือพี่น้องชาวมลายูบนเกาะสินไห
หลังจากนั้นคณะนักศึกษามลายูศึกษาจึงเดินทางเข้าเกาะสอง ประเทศเมียนมาร์
เกาะสองนี้ตั้งอยู่ภายใต้ภูมิภาคตะนาวศรี (Tanintharyi Region) ภาษามลายูจะเรียกภูมิภาคตะนาวศรีว่า Tanah Sari ประเทศเมียนมาร์นี้ มีเขตการปกครองที่แปลกแตกต่างจากประเทศไทย มาเลเซีย หรือแม้แต่อินโดเนเซีย ด้วยเขตการปกครองใดที่มีชาวพม่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จะเรียกว่าภูมิภาค หรือ Region เช่น ภูมิภาคตะนาวศรี ส่วนเขตการปกครองใดที่มีชนชาติอื่นๆ เช่น ชาวมอญ ชาวไทยใหญ่ เป็นชนกลุ่มใหญ่ จะเรียกเขตการปกครองนั้นว่า รัฐ (State) เช่น รัฐมอญ รัฐฉาน
เมื่อคณะนักศึกษาเดินทางขึ้นฝั่งเกาะสอง สิ่งแรกที่แปลกใจคือชาวเมียนมาร์มุสลิมเชื้อสายอะไรสักอย่าง ถ้าไม่โรฮิงญา ก็เชื้อสายอินเดีย-บังคลาเทศ ที่ทำหน้าที่เป็นไกด์บริเวณท่าเรือ เขาสามารถพูดภาษามลายูกลางได้คล่องแคล่ว เมื่อเราแจ้งว่าเราจะพักโรงแรมหนึ่งในตลาดเกาะสอง เขาได้พาคณะนักศึกษาไปยังโรงแรมแห่งนั้น ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังมัสยิดของเกาะสอง
เมื่อเดินทางใกล้ถึงมัสยิด พบชาวเมียนมาร์ หน้าตาแบบชาวอินเดีย พูดภาษามลายูกลางทักทายเรา เขาบอกว่าเขาเป็นลูกครึ่งแม่มลายูส่วนพ่อเป็นมามะค์ (Mamak) คำว่ามามะเป็นคำเรียกชาวอินเดียมุสลิม เขาบอกว่าถ้าจะเยี่ยมชุมชนชาวมลายูให้ไปสอบถามลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งพูดภาษามลายูได้เช่นกัน
เราพักค้างคืนที่ตลาดเกาะสอง โดยมีแผนวันรุ่งเช้าจะเดินทางไปสัมผัสชุมชนชาวมลายู
ในตอนค่ำที่ตลาดเกาะสอง คณะเราโชคดีได้พบกับ คุณซัมซุดดิน ชาวมลายูเกาะสอง และในวันรุ่งขึ้นคุณซัมซุดดิน ได้พาผู้เขียนไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารมุสลิมที่ตลาดเกาะสอง และพบกับคุณมูฮัมหมัด บุตรชายอดีตท่านอิหม่ามของมัสยิดที่ตั้งใกล้ที่พัก จากการพูดคุยในเช้าวันนั้น ทำให้เราทราบว่า เฉพาะในตลาดเกาะสองมีมัสยิดและมุซอลลา ทั้งหมดถึง 7 แห่ง ซึ่งมีมากกว่าที่เราเข้าใจเสียอีก
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ คณะเราจึงเช่ารถสองแถว 2 คัน เพื่อพาคณะนักศึกษามลายูศึกษาสัมผัสชุมชนมลายู ชุมชนชาวมลายูชุมชนแรก ที่คณะเราสัมผัสคือหมู่บ้านไมล์ที่ 10 (Kampong 10 Batu) ซึ่ง ณ ชุมชนนั้น ผู้เขียนก็ได้ประกาศต่อคณะนักศึกษามลายูศึกษาว่า “ วันนี้วันที่ 9 มิถุนายน ณ หมู่บ้านไมล์ที่ 9 แห่งนี้ นักศึกษามลายูศึกษาได้เดินทางครบแล้วทั้ง 10 ประเทศ ของกลุ่มประชาคมอาเซียน หลังจากนั้นคณะเราก็ได้เดินทางไปเยี่ยมยังชุมชนอื่นๆ เช่น หมู่บ้านไมล์ที่ 10 หมู่บ้านตันหยงบาได ”
จากการสัมผัสชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ ปรากฏว่าบางหมู่บ้านโรงเรียนตาดีกา ที่เป็นสถานที่อบรมสั่งสอนเด็กๆ ชาวมลายูต้องร้างลง เพราะขาดครูผู้สอน เด็กๆ ต้องไปเรียนศาสนาที่ต่างหมู่บ้าน เมื่อถามชาวบ้านว่า ถ้ามีครูสอนศาสนาที่โรงเรียนร้างนั้น ผู้ปกครองจะนำลูกหลานมาเรียนไหม? เขาตอบว่า ถ้ามีครูสอนศาสนามาจริง พวกเขาก็พร้อมที่จะนำลูกหลานกลับมาเรียนที่เดิม
“ บางหมู่บ้านที่เราสัมผัส ปรากฏว่าโรงเรียนตาดีกากำลังปรับปรุง ก่อสร้างอาคารที่มั่นคงขึ้น ส่วนครูได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อขอสนับสนุนทางการเงินในหมู่ชาวมลายู ผู้เห็นอกเห็นใจชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์บางหมู่บ้านที่สัมผัสปรากฏว่าชาวบ้านมีน้อยมาก เมื่อสอบถามได้ความว่า ส่วนหนึ่งได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อถึงวันสำคัญ เช่น วันตรุษอีดิลฟิตรี, วันตรุษอีดิลอัฏฮา พวกเขาจึงจะเดินทางกลับมายังบ้านเกิดในประเทศเมียนมาร์ อีกครั้ง”
มีชุมชนหนึ่งพบว่า มีการเปิดปอเนาะสอนศาสนาอิสลามให้กับเยาวชนชาวมลายู เมื่อสอบถามโต๊ะครูผู้สอน ทราบว่า เขาจบการศึกษาด้านศาสนามาจากปอเนาะแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี แม้ว่าครอบครัวฝ่ายภรรยาจะเป็นครอบครัวนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของเกาะสอง แต่เขากลับมุ่งสู่การเป็นนักการศาสนา
“ จากการพูดคุย สอบถามถึงชุมชนชาวมลายูในเกาะสองและบริเวณใกล้เคียง ก็ได้รับคำตอบว่ามีชุมชนชาวมลายูอยู่ประมาณ 23 หมู่บ้าน ผู้เขียนเห็นว่าโต๊ะครูผู้นี้เขาเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่ง เนื่องในโอกาสที่ผู้เขียนและเพื่อนๆ จะจัดงานด้านวรรณกรรมในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ผู้เขียนคิดว่าโต๊ะครูหนุ่มผู้นี้ สมควรที่จะได้รับการยอมรับรางวัลอะไรสักอย่างในฐานะนักการศึกษา ”
ในประเทศไทยการรับรู้ถึงการมีอยู่ของชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ แทบไม่มีข้อมูลเลย ยกเว้นชาวมุสลิมบริเวณจังหวัดระนองและจังหวัดใกล้เคียงจนบางคนกล่าวว่า เกาะสองไม่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ ขณะที่ในประเทศมาเลเซีย อินโดเนเซีย โดยเฉพาะผู้สนใจเกี่ยวกับโลกมลายูแล้ว ชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์อยู่ในหัวใจพวกเขาเสมอ
“ เนื่องในโอกาสวันตรุษอีดิลอัฏฮาปีนี้ มีเพื่อนชาวอินโดเนเซีย คือ คุณ Imbalo นักธุรกิจเจ้าของโรงเรียนมัธยม Hang Tuah และสถานีโทรทัศน์ Hang Tuah แห่งเกาะบาตัม จังหวัดหมู่เกาะเรียว ประเทศอินโดเนเซีย ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวมลายู พร้อมมอบวัวกุรบานให้แก่ชุมชนชาวมลายูในเกาะสอง ประเทศเมียนมาร์ ”
สำหรับสถาบันปอเนาะสำคัญๆ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับเป็นแหล่งที่เยาวชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์เดินทางมาเรียนทางศาสนาอิสลามกันมากมาย แต่เรากลับรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวมลายูในประเทศมาเลเซียกับชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์มากกว่า
ประชาคมอาเซียนกำลังจะเกิดขึ้น ธุรกิจการค้าบางครั้งก็ไม่ได้เข้าทางประตูหน้าเสมอไป ผู้เขียนจึงไม่แน่ใจว่านักธุรกิจชาวมลายูบางคนในประเทศมาเลเซีย จะใช้เส้นทางสู่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยผ่านชาวมลายูในประเทศเมียนมาร์ หรือไม่ อย่างไร
ตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเดือนตุลาคม 2558