The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   ผ่าขบวนการมาเฟียภูเก็ต

ผ่าขบวนการมาเฟียภูเก็ต

++++

            สำนักข่าวอะลามี่ดูเหมือนปัญหามาเฟียป่าตอง คงไม่หยุดหรือจะล้างกันง่าย แม้ว่าภาคส่วนต่างๆทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงมหาดไทย ถึงขั้นส่ง ดีเอสไอ. ลงมาจัดการ


            แต่ดูเหมือน การลงมาปราบปราม จะเป็นการตั้งเงื่อนไขซ้ำ ว่า มีความจริงใจในการจัดการ หรือมาเพื่อจัดระเบียบใหม่

            เป็นที่รู้กันว่า มาเฟียภูเก็ต มีมากมายหลาย ขบวนการฝังรากลึกอยู่ในเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้มายาวนาน บางส่วนก็มีอิทธิพลทางการเมืองสูงทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ บางส่วนก็เป็นชาวต่างชาติ ที่มาตั้งขบวนการกอบโกยเงินทองจากนักท่องเที่ยวชาติเดียวกัน และชาติอื่นๆ กันอย่างโจ๋งครึ่ม     

            วีรวีชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง ภูเก็ต กล่าวว่า ป่าตอ งเป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ที่ต่างจากเมืองอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเป็นชาวต่างชาติ แต่ที่ผ่านมา เวลาเปิดปิดถูกกำหนดเหมือนกันทั้งทั่วประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถประกอบกิจการได้ เพราะต้องปิดตี 1 ขณะที่นักท่องเที่ยวเพิ่งออกมาเที่ยวได้ไม่นาน ก็ต้องผิดผับ ปิดบาร์

            " ก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องเสนอจังหวัดเพื่อขอผ่อนปรนไปทางจังหวัดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา แต่เรื่องก็เงียบหาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

            วีรวีชญ์  บอกว่า เพื่อให้กิจการอยู่ได้ ก็ต้องเปิดเกินเวลา ซึ่งต้องแลกับการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ  จึงอยากให้มีการจัดโซนนิ่ง ขยายเวลาเปิดปิดให้กับผู้ประกอบการ โดยผู้ประกอบการยอมจ่ายภาษีเข้ารัฐ แต่ไม่ใช่จ่ายกับเจ้าหน้าที่ โดยที่ไม่มีหลักประกันใดๆ

            " ฤดูกาลท่องเที่ยวใหม่กำลังจะเปิด โดยจะเริ่มประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน จึงเรียกร้องอยากให้ป่าตอง เป็นเขตปกครองพิเศษ เนื่องจากป่าตอง ได้รับความเสียหาย และปัญหาการจ่ายส่วยที่เรื้อรังมานาน "  วีรวีชญ์ กล่าวและว่า ปัจจุบันชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง มีสมาชิกประมาณ 300 ราย
ต้องจ่ายเงินนอกระบบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแลกกับการเปิดบริการ คาดว่าแต่ละเดือนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า10 ล้านบาท

            แหล่งข่าวระบุว่า ผู้ประกอบการป่าตอง เฉพาะย่านถนน บางลา ที่ต้องจ่ายส่วยนอกระบบ แยกตามสถานประกอบการ ดังนี้ บาร์เบีย ซึ่งมีประมาณ 200-300 ร้าน จ่ายเดือนละ 3,000 บาท

            ประเภทผับ มีประมาณ 30 ร้าน ต้องจ่ายรายละ 10,000 บาท /เดือน ส่วนสถานประกอบการประเภท ดิสโก้ (ขนาดใหญ่) มีประมาณ 5-6 แห่ง ต้องจ่ายเดือนละ 100,000 บาท/เดือน

            สำหรับวิธีการมาเก็บของเจ้าหน้าที่นั้นพอถึงเวลานัดหมาย จะมีคนวิ่งซอยรับเงินจากผู้ประกอบการ โดยมีตารางส่งส่วยหน่วยงานต่างๆดังนี้

            อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการป่าตอง ได้เรียกร้องให้หน่วยงานราชการ ได้ขยายเวลาให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดบริการได้จากตี1 ไปถึงตี 4 ได้ แต่ขออย่าจ่ายเพิ่มเติมไปจากที่เคยจ่าย และเงินที่เคยจ่ายนอกระบบ ก็ขอให้นำเงินใต้โต๊ะขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ

            ขณะที่ ชาติ จินดาพล ที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย ในฐานะผู้ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนฝั่งอันดามัน กล่าวว่า ความจริงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากที่รับเรื่องแล้วประสานกับทางจังหวัด แต่หลังจากประสานงานกับทางจังหวัดตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเรื่องกลับเงียบ จึงเข้ามาประสานงานต่อ

            " หลังจากที่เข้ามาจับเรื่องนี้ มีตำรวจบางนายและกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ ออกมาโจมตีว่าตนเข้าไปมีผลประโยชน์ในป่าตอง จึงขอประกาศว่าตนไม่มีผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้นในป่าตอง ไม่มีธุรกิจในภูเก็ต แต่ทำเพราะเห็นเพื่อนๆผู้ประกอบการถูกรีดไถไม่ไหว อีกทั้งตนเองก็มีสายเลือดคนภูเก็ตด้วย"

             ชาติ บอกว่า ที่ผ่านมาปัญหาเมืองท่องเที่ยวอย่างป่าตองก็เคยมีนักการฑูตจากยุโรป 17 ประเททศร้องผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า นักท่องเที่ยวของเขาถูกผู้ประกอบการมีพฤติกรรมเอาเปรียบ และมีการข่มขู่มีพฤติกรรมเหมือนมาเฟีย ตนในฐานะคนภูเก็ต อยากเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบแก้ปัญหา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติกรรมเก็บส่วยให้หมดไปจากป่าตอง
            อีกหนึ่งมาเฟีย ที่ยังมีอยู่บนเกาะภูเก็ต คือ กลุ่มอิทธิพล เข้ายึดที่ดินชาวบ้าน เหมือนบ้านนี้ไม่มีกฎหมาย โดยผู้มีอิทธิพลจะมีพฤติกรรมเข้าครอบครองปรปักษ์ในที่ดินดังกล่าว เพื่อขอมีส่วนแบ่งจากการขายที่ เนื่องจากที่ดินบนเกาะภูเก็ตมีราคาแพง โดยกลุ่มนี้จะทำเป้นขบวนการทั้งผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองท้องถิ่นบางคน

            สมเกียรติ สารวงค์ เจ้าของที่ดิน บนพื้นที่ 14 ไร่ บนถนน ภูเก็ต - ป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต  ตรงข้ามกับ โรงแรมชื่อดัง เมอรีเดียน  คือหนึ่งในเหยื่อที่ถูกผู้มีอิทธิพลเข้ายึดที่ดิน ไปครึ่งหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาซื้อที่ดิน
            "ผมซื้อที่ดินจากชาวบ้านเมื่อ 4-5ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นผมก็ประกาศขาย โดยผู้มีอิทธิพลในป่าตองคนหนึ่งบอกว่า ถ้าขายที่ดินดังกล่าวเขาจะขอส่วนบางครึ่งหนึ่ง  ถ้าไม่ให้จะขอแบ่งที่ดินครึ่งหนึ่ง"

            สมเกียรติ บอกว่า เขางงกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคนที่มาขอส่วนแบ่งไม่มีสิทธิบนที่ดินดังกล่าว อีกทั้งที่ดินดังกล่าวก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขา แต่กลับถูกผู้มีอิทธิพลมาอ้างสิทธิ์บนที่ดินดังกล่าว ซึ่งเท่าที่ทราบเรื่องนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่มีหลายรายที่ต้องถูกผู้มีอิทธิพลข่มขู่บังคับ เพราะกลัวในอิทธิพลหลายรายจึงจำยอม

            เขาบอกว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าพบนายกเทศมนตรีป่าตอง เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ย โดยเชิญสองฝ่ายมาพูดคุยพร้อมนำเอกสารมีพิสูจน์ ซึ่งเจ้าของที่ดินเดิมก็ยืนยันว่าได้ขายให้กับตนเอง แต่ผู้มีอิทธิพลกลับเอาเอกสารสัญญาจากใครไม่รู้ ไม่มีตัวตนมาอ้าง

            " ที่ดินของผมมีการรังวัดถูกต้องตามกฎหมาย มีการยืนยันสิทธิ ที่ถูกต้อง จู่ๆ ผู้มีอิทธิพล ก็เอาคนของเขา พร้อมติดอาวุธมาไล่คนสวนของผมออกแล้ว ทำการปิดรั้ว และยึดที่ไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ได้ไปแจ้งความบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ สภ.กระทู้แล้ว "

            ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.กระทู้ ยอมรับว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลายรายในภูเก็ต เฉพาะในพื้นที่ป่าตอง มีการแจ้งความในลักษณะเดียวกันประมาณ 6 ราย ส่วนที่ไม่แจ้งความไม่ทราบ

            การสำรวจป่าตองในครั้งนี้ เรายังได้ร้องเรียนจากผู้ประกอบการทัวร์ รายหนึ่ง บอกว่า หลายครั้งที่เขาไม่สามารถไปรับแขก ซึ่งเป็นลูกค้าต่างประเทศได้ หลังจากที่เข้าพักในโรงแรมบางแห่ง เนื่องจากวินรถหน้าโรงแรมไม่ยอมให้เข้าไปรับนักท่องเที่ยว โดยอ้างว่าให้คนในพื้นที่ทำงาน

            " บางครั้งเพื่อแลกกับการเข้าไปรับลูกทัวร์ เราต้องจ่ายให้กับวินหน้าโรงแรมรายละ 500-700บาท ต่อครั้ง ซึ่งเป็นเงินที่เราต้องจ่ายโดยไม่เป็นธรรม "

            เขาบอกว่า เรื่องนี้เคยร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ แต่ก็เงียบไม่มีใครจัดการ ร้ายไปกว่านั้นพฤติกรรมแย่งแขกบางรายถูกเอารถปิดถนนแล้วไล่ลูกทัวร์ลงจากรถบัส สร้างความหงวากกลัวให้นักท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก นอกจากนี้หากรถของบริษัทไปจอดรับนักท่องเที่ยวอาจถูกกรีดรถ หรือปล่อยลมยาง นี่คือพฤติกรรมเถื่อนที่เกิดขึ้นในภูเก็ตขณะนี้.

            มาเฟียป่าตอง คงไม่จบลงง่ายๆ เพราะขบวนการเหล่านี้ถูกหยั่งรากลึก นี่คือปรากฎการณ์หนึ่งที่เราจะมาเสนอสะท้อนให้สังคมได้รับทราบเท่านั้น.

            ตีพิมพ์ครั้งแรก: นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับพฤศจิกายน 56