มาเฟียในธุรกิจท่องเที่ยวเมืองภูเก็ต (ตอนที่ 1)
โดย จรูญ ชูจันทร์
พักนี้เมืองภูเก็ตมีวาระที่สำคัญและประเด็นให้พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง นับแต่กลุ่มผู้ประกอบการรถรับจ้างออกมาประท้วงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐออกมาแก้ปัญหาชาวต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพเมื่อต้นปี ต่อเนื่องมาจนกระทั่งนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาเข้าร้องทุกข์ต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้เข้ามาจัดการมาเฟียต่างชาติบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมคุกคามนักท่องเที่ยว จ้างคนไทยเป็นนอมินี ประกอบกิจการโดยผิดกฎหมาย
ผมไม่มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่มาเฟียรัสเซีย ยึดเมืองพัทย าเมื่อหลายปีก่อน
แต่พอจะเห็นเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่มี “ผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่น”ในธุรกิจท่องเที่ยว ในเมืองภูเก็ตที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาสัก 5-6 ปีที่ผ่านมาด้วย เพราะเป็นช่วงเดียวกันกับที่ผมเข้ามาทำงานเมืองท่องเที่ยวชื่อก้องโลกแห่งนี้
ผมเข้ามาภูเก็ตด้วยความรู้สึกเดียวกับคนชั้นกลางทั่วไปในสังคมไทยที่ไม่รู้สึกว่าภูเก็ตเป็นมิตรเมื่อเทียบกับเมืองอื่นอย่างเช่นเชียงใหม่ หาดใหญ่ หรือโคราช อาจจะเป็นเพราะภูเก็ตน่ายำเกรงเกินไปและน่าจะเหมาะกับชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย
ภูเก็ต ที่ผมพบเต็มไปด้วยคนไทยจากทุกภูมิภาคและชาวต่างชาติ จากทุกมุมโลกเข้ามาอยู่รวมกันด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
ปุ้นเต่ หรื อคนพื้นเมืองดั้งเดิมมีไม่มากนัก อาจจะพูดได้ว่ามากกว่าพม่า ที่เข้ามาทำงานภาคก่อสร้าง และร้านอาหารไม่มากนัก
ส่วนที่เหลือเป็นชาวใต้จากหัวเมืองใกล้เคียงตั้งแต่สุราษฎร์ธานีลงมาจนถึงพังงา และที่เหลือเป็นพี่น้องจากจังหวัดทางภาคอีสานในปริมาณที่มีรถบัสโดยสารเปิดเส้นทางวิ่งระหว่างภูเก็ตกับจังหวัดทางภาคอีสานเกือบทุกจังหวัด และวิ่งทุกวัน
อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ว่ากันว่าจะมีมากถึง 10 ล้านคนในปีนี้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเป็นแขกเยือน และประชากรแฝงในเกาะภูเก็ตแห่งนี้ โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบก้าวกระโดดอย่างรัสเซีย จีน เกาหลีโดยทั้ง 3 ชาตินี้ แต่ละชาติเข้ามาเที่ยวกันเกินกว่าล้านคนต่อปี
เมื่อคนเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้ง บริษัททัวร์ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สถานบันเทิง รถเช่า ซึ่งเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวยังสะพัดไปทุกส่วนของเมือง จนนึกไม่ออกว่าส่วนใดที่ไม่ได้รับประโยชน์
มีตัวเลขระบุว่าภูเก็ตสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวนับแสนล้านบาทต่อปี
ความสวยงามของไข่มุกอันดามันไม่ได้ดึงดูดเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ได้สร้างแรงจูงใจทางธุรกิจเข้ามาด้วย โดยญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่เข้ามาเปิดบริษัททัวร์รองรับนักท่องเที่ยวของตนเอง หลังจากมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้ามาภูเก็ตมากขึ้น และมีประสบการณ์ว่าถูกโก่งราคาค่าบริการในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งสูงจนน่าตกใจ
ไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวจากชาติยุโรปที่ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยว และชายหาดที่สวยงาม แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น และเข้ามาพักอาศัยระยะเวลายาวนาน ชาติยุโรปจึงมุ่งไปที่การถือครองอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก และทำธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับเพื่อนนักท่องเที่ยวชาติเดียวกัน
และที่เป็นที่จับตามองมากที่สุด หนีไม่พ้นการรุกเข้ามาของ “อันธพาลในสายตาฝรั่ง” คือ การเข้ามาของรัสเซีย
ที่ดินที่อยู่ในการถือครองของคนภูเก็ตดั้งเดิมจะถูกเปลี่ยนไปสู่ชาวต่างชาติด้วยมูลค่าที่มากกว่าการเปลี่ยนมือไปสู่คนท้องถิ่นด้วยกันไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า ด้วยรูปแบบที่กฎหมายไม่สามารถเข้าถึงได้ และผู้มีหน้าที่รักษากฏหมายเพิกเฉยเพราะอำนาจเงินตรา
ขณะที่การบังคับใช้กฏหมายไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง
ทุกอย่างดำเนินไปโดยไร้กฏกติกา แรงจูงใจเพียงประการเดียวคือผลประโยชน์ส่วนตน
ผู้มีอิทธิพลที่ใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่นหรือที่เรียกกันว่า มาเฟีย เกิดขึ้นตอนนี้แหล่ะครับ
พลันที่นักท่องเที่ยวตอนเดินทางสนามบิน รถแท็กซี่ป้ายดำที่มีเจ้าของเป็นผู้คนจากหัวเมืองทั่วภาคใต้ ที่เข้ามาทำมาหากินในพื้นที่ จะเข้าไปข่มขู่และขูดรีด ดั่งเช่นที่เป็นข่าวใหญ่มาแล้วว่าคิดค่าโดยสารจากสนามบินภูเก็ตไปยังหาดในยางซึ่งมีระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตรในราคา 3,000 บาท
ครั้นมาถึงที่พักหากคุณต้องการเช่าเจ็ตสกีหรือรถจักรยานยนต์ต้องจ่ายค่าเช่าแพงมหาโหด รวมถึงอาจจะต้องใช้เงินหลักหมื่นในการไถ่ถอนพาสปอร์ตที่ใช้ในระหว่างขอเช่าของคุณคืนมา
ตกค่ำ หากไปเดินสถานบันเทิงบริเวณหน้าหาด อาจจะมีหญิงสาวผิวคล้ำ ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นจากภาคอีสานเข้ามาตีสนิทเป็นเพื่อน เข้ามาปรนเปรอคุณแบบราชา จนใครก็ไม่คิดว่าจะมีด้วยบนโลกใบนี้ สุดท้ายเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าคุณไม่เหลืออะไรให้ติดตัวแม้แต่อย่างเดียว
หากหวังจะพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าหวังว่าปัญหาของคุณจะได้รับการแก้ไข เพราะนอกจากทุกอย่างจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ชาวต่างชาติบางคนบอกว่านั่นเป็นการเพิ่มปัญหาต่างหาก
เห็นมั้ยครับว่า เมืองที่มีคนดั้งเดิมเป็นคนส่วนน้อย ย่อมถูกกลืนด้วยคนส่วนใหญ่
มาเฟียในธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองภูเก็ตยังไม่จบครับ โปรดติดตามฉบับหน้า
ตีพิมพ์ครั้งแรก :นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับสิงหาคม 2556