“นิกัลยา อับดุล” ถอดหัวโขนมิสไทยแลนด์สู่เส้นทางแม่พิมพ์

          สำนักข่าวอะลามี่ : หากเอ่ยชื่อ “ นิกัลยา ดุลยา หรือชื่อจริงว่า นิกัยลา อับดุล”  อดีต มีสไทยแลนด์เวิล์ด 2004 น้อยคนนักจะไม่รู้จัก เขาโลดแล่นในวงการบันเทิงมาหลายเวที เป็นนักแสดงอิสระ ผลงานที่ผ่านมา ละคร รายากูนิง (ทีวีไทย)  ลิลลี่สีกุหลาบ (ช่อง7) สอว.ห้อง 2 รุ่น44 (ทีวีไทย) เสือสั่งฟ้า (ช่อง 7) รอยต่อแห่งหัวใจ (ช่อง 5) อุมมี,จะบังลิมอ (ช่อง 5)

            นิกัลยา นับเป็นผู้คว้ามงกุฎนางงามเพียงผู้เดียวในประวัติศาสตร์นางงามระดับประเทศที่มาจากจังหวัดยะลา ด้วยความคมเข้มสไตล์สาวละตินและรูปร่างที่สูงโปร่ง จึงทำให้เธอดูโดดเด่น และเป็นที่สนใจของสื่อนานาประเทศ เธอยังเป็น 1 ใน 5 ตัวเก็ง ที่จะได้รับมงกุฏมิสเวิลด์ จากเวป GB Global Beauties เวปกูรูนางงามระดับโลd

             แม้ผลงานจะผ่านสายตาผู้คนมาไม่น้อย แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราเชื่อว่า คุณ... ยังไม่รู้  

             จากนี้ไปเป็นการถ่ายทอด ถึงก้นบึ้งของหัวใจ ของ ” นิกัลยา อับดุล”  เปิดใจผ่านกองบรรณาธการ “ ดิ อะลามี่”  จากบรรทัดสู่บรรทัด ที่จะนำท่านผู้อ่านไปรู้จัก “นิกัลยา อับดุล”มากขึ้น

               นิกัลยา  ย้อนชีวิตในวัยเด็กให้ฟังว่า ครอบครัวของเธอเหมือนคนทั่วไป ฐานะปานกลาง คุณพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์ คุณแม่เป็นแม่บ้าน ทั้งสองท่านจะเป็นตัวอย่างที่ดี และเลี้ยงลูกให้อยู่ในกรอบทั้งทางศาสนาและสังคม โดยมีคุณพ่อจะเป็นไอดอล ของลูกๆทุกคนเสมอ 

              “  อาเย๊าะ(คุณพ่อ) ค่อนข้างจะมีความเป็นผู้นำสูง เด็ดเดี่ยว เฉียบขาด ผิดก็คือผิดถูกก็คือถูก เมื่อออกจากเวลางานอาเย๊าะ จะน่ารักมาก ร่าเริง รักลูกๆทุกคนที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลูกของภรรยาคนที่แล้ว หรือ คุณแม่ของยาค่ะ”

              คุณพ่อ จะมีแต่คำว่าให้  ยา ค่อนข้างจะถูกเลี้ยงดูดูแบบโบราณและเคร่งครัด ซึ่งคุณพ่อ ไม่ชอบไปเที่ยวไหนเหมือนวัยรุ่นทั่วไป

               “ ยา เองก็ดำเนินชีวิต โดยมีทั้งสองคนเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมา   เพราะเชื่อว่า แม้ล้านคำพูด ก็คงจะไม่เท่า หนึ่งการกระทำ “

 จากครอบครัวอบอุ่นสู่จุดเปลี่ยน...

                 ยา เล่าให้ฟังถึงจุดเปลี่ยนชีวิตว่า เป็นครั้งที่เจ็บปวดที่สุด เมื่อคุณพ่อได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง  แม้ว่าก่อนหน้านี้จะทำใจไว้บ้างแล้ว สาเหตุจากคุณพ่อสูบบุหรี่มาก อาจจะด้วยความเครียดจากงานหรืออะไรก็แล้วแต่ “ ....ยังจำได้ว่า.....เวลาดูโฆษณาฝรั่ง ที่เห็นเด็กคนหนึ่งจับทีวีดูพ่อตัวเองสูบบุหรี่แล้วหลังจากนั้นก็เสียชีวิตไป”

                “ ตัวยา เองก็เคยจับทีวีแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนั้นก็คงจะเด็กเกินไปที่จะกล้าพอที่จะบอกให้คุณพ่อเลิกสูบ เพราะไม่อยากให้เป็นอย่างในโฆษณาชิ้นนั้นมันค่อนข้างฝังใจกับความหลังค่ะ  ....  “

                หลังจากนั้นทุกคนในครอบครัว ก็ดิ้นรน พี่หยุดเรียนและทำงานหนัก ส่วนยา ก็ต้องกู้กองทุนการศึกษา เรียนกองทุนกู้ยืม กยศ.เพื่อจะได้มีเงินเรียนต่อ ไม่อยากจะเป็นภาระให้ทางบ้านมากนัก ช่วงนั้นก็มีคนมาสู่ขอนะ แต่เรายังไม่อยากแต่งงาน  เพราะคิดว่าตัวเองยังเด็กและอยู่ในวัยเรียน .

                ยา บอกว่า การเลือกเดินบนเส้นทางการประกวดนางงามไม่ตั้งใจ  ขณะนั้นกำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และ ไปฝึกงานบริษัทภาพยนตร์ 

               “ อันที่จริง ยาเคยเล่นภาพยนตร์ เรื่องหลบผี ผีไม่หลบ ของค่ายโคลีเซี่ยม มาก่อนค่ะ และเดินแบบบ้าง แต่ไม่จริงจัง เพราะเราเองมีขีดจำกัดในการรับงานค่ะ”

นางงามไม่มีพี่เลี้ยง

               ยา เล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจไปประกวดนางงามมิสไทยแลนด์เวิร์ดว่า เหตุการณ์ขึ้นเหมือน เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ต่อชีวิต ..ต้องขอบคุณพระเจ้า (อัลฮัมดูลิลละฮ์)  พระเจ้าให้ จากเด็กคนหนึ่งที่ต้นทุนเป็นศูนย์ ไม่สิ.. ติดลบด้วยซ้ำ ไม่มีครูสอน ไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีพี่น้อง ไม่มีแม้แต่เพื่อน ที่จะไปยืนเชียร์อยู่ตรงนั้น ที่มีวันนั้นได้ คงได้คำเดียวว่าเพราะ พระเจ้าทรงประทานให้จริงๆ

                “ ส่วนตัวคิดว่า คงเป็นอีกบททดสอบหนึ่งที่พระเจ้า เองก็อยากรู้ว่า ถ้าให้ตำแหน่งสำคัญ ให้เป็นที่ 1 แล้ว จะลืมพระองค์หรือไม่   ขอตอบ ณ วันนี้ ว่าไม่ค่ะ  ยา ถอดหัวโขน และศักดิ์ศรี ที่ยาสวมอยู่ ถอดทิ้งได้ค่ะ ยา เป็นคนไม่ยึดติดกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว  ตัวตนของยา ชิลล์ๆมาก  แต่น้อยคนนัก ที่จะรู้ เพราะไม่เคยได้รู้จักยา และยา ก็ค่อนข้างจะโลกส่วนตัวสูง ก็พูดกันไปต่างๆ นาๆ”

                ยา บอกว่า ในขณะที่ดำรงตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิล์ดในปีนั้น อาจจะเรียกว่าเธอเป็นนางงามการเมืองก็ว่าได้  เขาลงพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนใต้ภาคใต้บ่อยมาก ทั้งนั่งเครื่องบิน  C 130 หลายครั้ง เพื่อไปพบปะเยี่ยมเยือนพี่น้องทางใต้ของเรา ในพื้นที่สีแดงบ้าง ในพื้นที่เหลืองบ้าง  ลงพื้นที่ภูเก็ตไปเยี่ยมเยือนผู้ประสบภัยสึนามิ ไปไกลสุดถึง ประเทศอังกฤษ เดนมาร์ค ฮ่องกง มาเลเซีย จีน

               ภารกิจหลายอย่างที่ทำมา ล้วนเพื่อสังคมทั้งสิ้น รณรงค์ต่อต้านผู้ติดยาเสพติด ต่อต้านมะเร็ง ได้เข้าเฝ้าพระบรมวงศ์ศานุวงศ์กับคณะทีมทำงาน ได้เจอคนใหญ่โตระดับประเทศมากมาย ทั้งท่านนายกรัฐมนตรี  ผู้บริหารระดับสูงของประเทศ ได้มีโอกาสพูดคุยถึงภาวะความเป็นผู้นำ และวิธีการบริหารของแต่ละท่าน รวมถึงเคยได้พูดคุยเกี่ยวกับโครงการสมานฉันท์ โดยมี ท่านอานันท์ ปัณยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

              “ ยา เคยพูดกับท่านว่า อยากให้ภาคใต้สงบสุขโดยเร็ว รู้เลยว่า ตอนนั้นเสียใจมาก ที่บ้านเกิดมาตุภูมิอันเป็นที่รักของเรา และคลังทรงจำของเราถูกทำร้าย แต่ตอนนั้นยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจอะไรทางการเมืองอย่างนั้นก็เลยกลายเป็นยืนน้ำตาไหลพรากกลางที่ประชุม อาจด้วยความอัดอั้นสุดๆก็ว่าได้”

                 อดีตมิสไทยแลนด์เวิล์ด กล่าวถึงความประทับใจว่า ครั้งหนึ่งเคยไปเยี่ยมนักโทษในคุกเรือนจำหญิงบางขวาง  ตอนนั้นเป็นอะไรที่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าคุก ซึ่งนอกจากนักโทษกับพัศดี คงไม่มีโอกาสได้เข้าไปในคุก ทำให้รู้ได้เห็นอะไรในนั้นมากมาย นักโทษหญิง ก็มีแบ่งกันไปส่วนที่ได้พบปะพูดคุยก็เป็นนักโทษชั้นดีค่ะ พบว่าส่วนใหญ่ถูกจับเพราะเป็นสายขายยาให้กับแฟน หรือสามีตัวเอง  หลายคนทำไปก็ด้วยความรักสามีหรืออาจแกมบังคับ

                “ มีคนหนึ่ง เป็นคนสงขลา พอรู้ว่าเราเป็นคนยะลา เขาก็วิ่งมากอด แล้วก็พูดภาษาใต้  บอกว่าคิดถึงบ้านมาก อยากกลับบ้านไม่อยากอยู่แล้วคิดถึงพ่อกับแม่  เราก็พลอยน้ำตาคลอไปด้วย “

                 ประสบการณ์จากการเป็นมิสไทยแลนด์เวิล์ด ทำให้เราเห็นโลกที่หลากหลายมิติ  แต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจกัน คนเราหลงผิดกันได้ บางคนก็ติดท้องก็มาคลอดลูกกันในนี้ก็มีส่วนสามี น่ะเหรอ อยู่นอกคุกสบายใจมีผู้หญิงใหม่  ดูสิชีวิตมันก็ได้ข้อคิดมากมายนะค่ะ

                 สำคัญการมาคลุกคลีอยู่กับเค้าทั้งวัน  จำได้ว่าตอนนั้นหนึ่งใน สมาชิกไทรอั้มคิงด้อม นักร้องชื่อดัง เพิ่งได้เข้ามาไม่นานแต่ก็ถูกแยกไปเพราะยังคลุ้มคลั่งอยู่  ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ออกมาหรือยัง  จากสิ่งเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดีค่ะ

                  เขาย้ำว่า ถนนสายนางงามไม่ใช่มาจากความตั้งใจแรก หลังจากเรียนจบ ถือว่าจบภาระกิจกันไป ชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถณา

                “ .....เรื่องหัวโขนและตำแหน่ง สามารถถอดทิ้งกันได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต คือเรื่องศาสนา มันถอดทิ้งกันไม่ได้ เพราะในชิตขอเรา ศาสนาอิสลาม ต้องมาอันดับหนึ่งในใจเสมอ….”

ทิ้งหัวโขนสู่ถนนแม่พิมพ์

                 หลังจากเขาหมดภารกิจทำหน้าที่นางงามแล้ว ยา ก็เลือกเดินบนถนนที่เขาชอบ และอยากทำ เขากล่าวด้วยความมั่นใจว่า ถนนนางงาม  มันไม่ใช่สิ่งที่เขาฝันแต่เด็ก ....

                “ หลังจบปริญญาตรี เอกการบัญชี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา  และ สำเร็จการศึกษาปริญญาโท ศึกษาศาสตร์ เอกบริหารการศึกษา  ระหว่างนี้ ยาก็เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แห่งนี้ด้วยค่ะ ” ก้าวแรกก่อนจะสู่อาชีพครูในวันนี้

                 ยา บอกว่า ในวัยเด็กมีความฝันอยากเป็นนักวาดภาพ เพราะโดยส่วนตัวจะชอบศิลปะชอบการอ่านการ์ตูน ทุกวันนี้ก็ยังชอบ ไม่ทราบว่าทำไม แรงบันดาลใจคงมาจากพี่สาวที่เป็นคนเลี้ยงดูยามาเค้าชอบวาดให้ยาดูตอนยาเล็กมากๆ

                “ เชื่อไหมค่ะ มันจุดประกายให้ยา ต่อยอดมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ว่างๆ ก็ยังวาดเล่นอยู่ ปัจจุบันเริ่มเอาผลงานขึ้นไปบนฝาผนังบ้านบ้างแล้ว”

                 ชีวิตของเขา จะวนเวียนกับการเป็นครู ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นครู สอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีในระดับ ปี 1 อยู่ 2 ปี ในระหว่างนั้นก็เรียนหลักสูตรปริญญา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และเพิ่งจบไปหมาดๆเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

               เขาบอกว่า ชีวิตทุกวันนี้ สนุกดี มีโอกาสได้ไปฝึกสอนโรงเรียนเล็กๆ สอนเด็กประถมด้วย ป.6 น่ารักมาก เด็กยังมีความสดใส ไร้เดียงสา ไม่เหมือนผู้ใหญ่

               ทุกวันนี้วิถีชีวิตปรกติ เหมือนคนทั่วไป จากนี้ไปคงต้องตั้งใจอ่านหนังสือ และจะพยายามสอบเป็นข้าราชการครูให้ได้ค่ะ แม้ว่าจะยากพอสมควร แต่ก็จะพยายามทำให้ได้

หลากคำถาม...ถึงครูนางงาม

                นิกัลยา บอกว่าปัจจุบันสอนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในยะลา ได้รับประสบการณ์และมีเรื่องราวสนุกกับเด็กๆ เด็กจะรู้ว่าเราเคยเป้นนักแสดงและเป็นนางงามมากก่อน หลายคนก็ถามว่า ....ครูยาค่ะ ทำไมครูไม่เป็นดาราค่ะ ....ทำไมครูไม่เล่นละคร ....หนูอยากดูครูเล่นจังเลยค่ะ .....ครูสวยมากเลย.... ครูเล่นเก่งมาก .....หนูอยากเป็นดาราได้ไหมค่ะ  แล้วตอนครูถูกยิง....... ครูตายจริงไหมเลือดจริงไหมครับ...แล้วครูท้องจริงๆ หรอค่ะ แล้วไหนลูกครูค่ะ ครูท้องแฟ่บแล้ว ..... เป็นต้น 

                เขาบอกว่า แต่ละคำถามของเด็ก ทำให้อดเรียกรอยยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้

              ยา บอกว่า แม้ว่าชีวิตความเป็นครู จะเป็นงานที่เหนื่อยเงินน้อยมาก  แต่เขาเชื่อมั่นว่า อะไรก็ตาม ถ้าเราทำมันด้วยความรักและใจที่เป็นสุขมัน จะไม่รู้สึกถึงความลำบาก

ผู้หญิงกับสไตล์การแต่งตัว

               เป็นธรรมดาที่คนเคยเป็นนางงามอย่าง นิกัลยา อับดุล จะถูกถามเรื่องสไตล์การแต่งตัว เพราะเขาคืออดีตมิสไทยเวิล์ด และที่สำคัญกว่าคนอื่นคือ เขาเป็นผู้หญิงมุสลิม ทำให้สไตล์การแต่งตัวอาจแปลกว่านางงามคนอื่น

                 ยา บอกว่า ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งการเปลี่ยนแปลงจากบทบาทหนึ่งสู่อีกบทบาทหนึ่ง ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจอะไร และไม่มีได้ยุ่งยากอะไรเลย เพราะผู้หญิงกับการแต่งตัวมันเรเองคู่กัน

                เขาบอกว่าส่วนตัว การแต่งกายจะ ไม่เน้นอะไรหรูหรา แค่เป็นเสื้อผ้าที่สะอาด และสวมใส่สบายไม่รัดรูปเกินไป คือ แต่งให้เข้ากับรูปร่างตัวเองดีที่สุด ที่สำคัญคิการแต่งกายให้ถูกกับโอกาส กาลเทศะ แต่จะเน้นเรียบร้อยแต่ดูดีดูสง่า

               “ยาชอบการแต่งกายจะชอบสไตล์อินโด และ วินเทจ มากค่ะ “

                อย่างไรก็ตามรสนิยมผู้หญิงมุสลิม ปัจจุบันพบว่า มีเทรนด์การแต่งตัวี่เปลี่ยนแปลงไปมาก เดียวนี้ผู้หญิงมุสลิมกล้าแต่งตัวกันมากขึ้น แต่งตัวเก่งขึ้น รับแฟชั่นต่างประเทศเร็วดีค่ะ

               ก่อนจากกันฉบับนี้  นิกัลยา อับดุล  อดีตมิสไทยแลนด์เวิล์ด ยังฝากบอกกับผู้หญิงว่า ” ....  แฟชั่นมีวันตาย แต่สไตล์ของเราไม่มีวันตาย ดังนั้นจงมั่นใจ เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดค่ะ “