Life style
Home   /   Life style  /   รณฤทธิชัย คานเขต

" รณฤทธิชัย คานเขต"

บนถนนชีวิตจริง "ดารา-การเมือง"

โดย วรัญญา พุ่มเพ็ชร

+++++++++++++++++++++

            แม้จะห่างหายจากเวทีไปนานพอสมควร แต่ " รณฤทธิชัย คานเขต" อดีตนักแสดงชื่อดัง ไม่ได้หายไปจากความทรงจำของคนไทย ทั้งในบทบาทนักการเมืองและในบทบาทนักแสดง  

            นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับนี้ พาท่านมารู้จัก " รณฤทธิชัย คานเขต " หรือ ชำนาญ คาลเขต ในชื่อเดิม อดีตนักแสดงบทบู๊ชื่อดัง สองรางวัลการันตรีความสามารถ สุพรรณหงส์ทองคำ รางวัลตุ๊กตาทองนักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง " ครูสมศรี" และนักแสดงชายประกอบยอดเยี่ยมเรื่อง "คนเลี้ยงช้าง"

            วันนี้ของ " รณฤทธิชัย " ในวัย 65 ปี เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า เขาเกิดและโตใน อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดอุบลราชธานี (ยโสธร ในปัจจุบัน) คุณพ่อเป็นคนปากีสถาน ก่อนจะเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย เพราะมาตามหาคุณปู่

            คุณพ่อในขณะนั้นทำอาชีพขายน้ำสีย้อมผ้า เพื่อเลี้ยงตัวเอง ขายไปเรื่อยๆ ในหลายแห่ง ก่อนจะเข้าไปในเขตของประเทศลาว “ เสด็จเจ้าบุญโฮม " ได้รับเป็นบุตรบุญธรรม  ก่อนจะใช้ชีวิตและอาศัยอยู่ที่ประเทศลาว

            แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาตั้งรกรากและทำมาค้าขายในเมืองไทย โดยปักหลักที่ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดอุบลราชธานี

            " หลังจากคุณพ่อมาตั้งหลักเมืองไทยอีกครั้ง ก็ทำอาชีพค้าขายเนื้อวัว โดยคุณพ่อ ได้มีโอกาสรู้จักกับนายฮ้อย (คนที่นำฝูงวัวเดินทางมาขายตามต่างจังหวัด) ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนและฐานะการเงินก็ดีขึ้น "

            รณฤทธิชัย เล่าอีกว่า ในขณะที่เขาอายุราว 4-5 ขวบ เกิดเหตุไฟไหม้บ้าน (เนื่องจากอุบัติเหตุ) ทรัพย์สมบัติทั้งได้มอดไปกับไฟรวมทั้งเงินเก็บด้วย เพื่อนคุณพ่อที่เป็นคหบดีคนหนึ่ง ในตัวเมืองอุบลราชธานี ช่วยเหลือและให้ที่อยู่ ครอบครัว จึงได้ย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่อุบลราชธานี

            ขณะเรียนมัธยม ด้วยที่เป็นคนสนใจกีฬาได้รับรางวัลมีผลงานดีเด่นหลายรางวัล หลัง เรียนจบ มศ.5 จึงเข้าศึกษาต่อ วิทยาลัยพละศึกษา ( มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในปัจจุบัน )

การเข้าสู่วงการนักแสดง

            " ขณะที่ผมไปฝึกซ้อมตามปกติ วันหนึ่งได้มีโอกาสพบกับผู้จัดการดารา ชักชวนให้ไปถ่ายปกหลังของหนังสือ “ จักรวาลปืน ” นับเป็นผลงานชิ้นแรกที่สร้างที่ชื่อเสียง ขณะที่เรียนอยู่ปี 2   ผลงานชิ้นต่อมา อาจารย์สุวรรณี สุคนธา ให้มาขึ้นปกหนังสือ " ลลนา " เป็นฉบับปฐมฤกษ์  ทำให้คนเริ่มรู้จักเรามากขึ้น

            ในปีต่อมา อาจารย์สุวรรณี ติดต่อให้ไปเล่นหนังทางโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งเป็นหนังตอนเรื่องแรก " ปัญหารักของศิราณี " หลังจากนั้นได้เข้ามาแสดงหนังกับค่าย " สิงห์สยาม " ถ่ายทำหนังได้ 5-6 ตอน ต้องหยุดถ่ายทำ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมือง 14 ตุลาคม 2516  ผมได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกับเพื่อนที่ธรรมศาสตร์

            หลังจากผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ผมเรียนจบพอดี ขณะนั้นในจิตใต้สำนึกมีความรู้สึกว่าทางราชการเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประชาชน จึงมาทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ชื่อหนังสือพิมพ์ “แม่มูล” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมือง แต่สุดท้ายต้องปิดไปในที่สุด

เริ่มเข้าสู่ถนนการเมือง


            หลังจากที่เพื่อนที่ร่วมทำหนังสือพิมพ์ " แม่มูล" คนหนึ่งไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2518  ผมก็ช่วยที่เพื่อนหาเสียงปราศรัยทุกเวที

            แต่ชีวิตก็ยังวนเวียนแถบชายแดน ขณะที่ไปช่วยพี่ชายทำธุรกิจ มีข่าวว่า " คุณคิด สุวรรณศร" ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ให้ผมกลับมาเล่นหนังอีก ในเครือของ "สหมงคลฟิล์ม"  เรื่อง " คนกลางแดด เป็นภาพยนตร์ฉีกแนว เขียนบทโดยอิงประวัติของผมเข้าไปในเรื่อง เป็นเรื่องของนักต่อสู้เพื่อคนจนในสลัม ผมจึงกลับมาแสดงหนังอีกครั้ง 

            ต่อมาในปี 2522 ได้ตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคชาติไทย แต่สอบตก และก็สอบตกมาเรื่อยถึง 6 สมัย ชีวิตจึงวนเวียนกับการเมืองและการเป็นนักแสดง เพราะผมไม่มีธุรกิจอื่น กลับมาแสดงหนังอีกรอบเรื่อง " ครูสมศรี " ได้รับ รางวัลตุ๊กตาทอง ทำให้มีชื่อเสียงมากขึ้น

            ต่อมาในปี 35 หลังการปฎิวัติ รสช. กลับไปลงเลือกตั้งอีกครั้งที่ จังหวัดยโสธร ในการเลือกตั้งปี 35/2 ผมได้รับการคัดเลือกให้เป็น ส.ส.สมัยแรก

          นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา" รณฤทธิชัย " เส้นทางชีวิตได้โลดแล่นบนถนนการเมืองตลอดมาถึง 6 สมัย ติดต่อกัน โดยเป็น ส.ส.ครั้งล่าสุดในนามพรรค เพื่อแผ่นดิน

            " ในขณะที่ผมเป็น ส.ส. ผมจะให้ความสำคัญเรื่องระบบน้ำ เพราะในภาคอีสานคนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับการเกษตร จะทำอย่างไรให้พี่น้องชาวอีสานกลับมาทำมาหากินที่บ้านเกิดของตัวเอง โดยนำระบบชลประทานเข้าไปช่วย" 

            ล่าสุด หลังจากว่างเว้นเรื่องการเมือง" รณฤทธิชัย " ได้หวนคืนสู่การแสดงอีกครั้งเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" แม้ว่าจะปิดกล้องไปแล้วแต่ยังไม่ได้ลงจอ  ส่วนอีกเรื่องเป็นหนังฟอร์มใหญ่ " พระนเรศวรภาคที่ 6 " ขณะนี้เตรียมถ่ายทำ โดยได้รับบทแสดงเป็นเจ้าเมืองยะไข่ ของพม่า

ชีวิตครอบครัว

            ภาพของ " รณฤทธิชัย" ในหนังกับชีวิตจริงอาจแตกต่างสิ้นเชิง เพราะขณะใช้ชีวิตที่บ้าน เขาเป็นคนชอบต้นไม้ ใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยยึดแนวปฏิบัติ และพระราชดำรัสของในหลวงเรื่อง“ เศรษฐกิจพอเพียง ” 

            แม้ว่าเขาจะไม่มีธุรกิจส่วนตัว แต่ครอบครัวก็ทำอาชีพสวนยาง และปลูกไม้ยูคาลิปตัส เป็นรายได้ พร้อมๆ ไปกับงานแสดงที่เข้ามาบ้างบางครั้งคราว

            " ทุกวันนี้ ผมมีความสุขกับครอบครัว ลูกชาย 2 คน คนโตเรียนจบขณะนี้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ส่วนคนเล็ก กำลังศึกษาอยู่ที่แคนาดา"

            รณฤทธิชัย ได้ฝากมุมมองว่า อยากให้สังคมให้ความสำคัญเรื่องของด้านศาสนาอยากให้ลูกหลานที่เป็นมุสลิม ศึกษาด้านศาสนากันให้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน ที่ยังขาดผู้ชี้แนะอยากให้หน่วยงานองค์กรศาสนาจัดหาครูสอน หรือ เจ้าหน้าที่อบรมด้านศาสนา ปลูกฝังและอบรมทางด้านจิตใจ เพราะการเรียนรู้ศาสนา สามารถลดปัญหาสังคมได้ในระดับหนึ่ง.