สองนางพญา แห่งร้านอาหารไทยในอียิปต์ “บัวขาว”
โดย: ดลหมาน ผ่องมะหึง รายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์
โลกนี้ ช่างไม่มีความพอดีเอาเสียเลย คนจนที่หาเช้ากินค่ำต้องการอยู่อย่างสุขสบาย อยากมีเงินเที่ยวรอบโลกโดยไม่ต้องทำงาน แต่ขณะเดียวกันคนที่มีความพร้อมทั้งการศึกษา การเงิน แต่เขากลับเลือกที่จะทำงานค้าขาย
...แต่เป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะเธอเป็นนักธุรกิจเจ้าของร้านอาหารไทย “บัวขาว”ในอียิปต์ที่โด่งดังไปทั่วโลก การันตีความเป็นสุดยอดร้านอาหารจากลูกค้าต่างประเทศ นั่นคือ คุณยุพดี สวามิวัสดุ์ และ คุณนพวรรณ ณ นคร มีหรือที่ ดิอะลามี่ จะพลาดเอาเรื่องราวดีๆมาฝากแฟนๆผู้อ่าน
ร้านอาหารบัวขาว เปิดมาแล้วกว่า 20 ปี ซึ่งหลายครั้งทางร้านได้รับรางวัลจากหลายประเทศ ว่าเป็นร้านอาหารที่อร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัย จากคำแนะนำของลูกค้าที่มารับประทานอาหาร มีสาขาในประเทศอียิปต์กว่า 8 แห่ง และกำลังจะมีแผนไปเปิดที่ประเทศตุรกี เร็ว ๆ นี้
ยุพดี สวามิวัสดุ์ หรือ คุณต้อย ใช้ชีวิตในไคโรด้วยความมีโอบอ้อมอารี และเป็นที่พึ่งพาของที่นี่ ไม่ว่าจะคนไทย คนอาหรับ หรือชาติอื่น แต่ก่อนมีวันนี้คุณต้อยบอกว่า “ไม่ง่ายเลย ทุกอย่างต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน และการเรียนรู้”
เธอเล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า หลังจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์การทูต ชีวิตสาวแรกรุ่น ไฟแรง ที่คิดใช้ความถูกต้องของตำราเรียนเข้ามาดำเนินชีวิต จึงดูไม่เหมือกับสาววัยใสทั่วไป อาจเป็นเพราะคุณพ่อเป็นนายทหารมาก่อน ชีวิตจึงถูกหล่อหลอมไปด้วยการมีระเบียบวินัย จึงมีการวางแผนอนาคตอยู่เสมอ
“ เมื่อจบการศึกษา ได้ทำงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ก่อนจะมาพบรักครั้งแรกและใช้ชีวิตคู่กับชาวออสเตรีย มีลูกด้วยกันหนึ่งคน แต่ชีวิตไม่ราบรื่น สุดท้ายต้องแยกทาง หลังจากนั้นได้พบกับชายหนุ่มชาวอียิปต์ ที่เข้ามาทางคุณพ่อ เค้าตามง้อ ตามตื้อ และเอาใจเก่ง จึงตัดสินใจแต่งงานกับบุรุษหนุ่มผู้นี้ “ คุณต้อย กล่าวและว่า
เมื่อก่อนไม่เคยสนใจประเทศอียิปต์เลย แต่เพราะพระเจ้าลิขิตให้ต้องมาเจอกัน เขามีอาชีพเป็นกัปตันบนเครื่องบิน แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เราแต่งงาน “แต่เป็นเพราะความรัก และเอาใจเก่ง ที่คอยดูแลเทคแคร์เราทุกอย่าง “ผู้หญิงเราต้องยอมแพ้ตรงจุดนี้ พูดกันตามตรงเลย” คุณต้อยกล่าว
คุณต้อย เล่าเส้นทางชีวิตของเธอว่า หลังจากนั้นชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไป เพราะการที่เราเป็นภรรยากัปตัน การเดินทางไปยังประเทศต่างๆ มันทำให้เราได้เรียนรู้ ได้เห็นความแตกต่างและมุมมองขยายกว้างขึ้น ทุกประเทศที่เธอเดินทางไป เธอจะศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับรสชาดของอาหารไปด้วย
ขณะที่เป็นคุณนายกัปตัน ชีวิตมีแต่การเดินทาง บินไปต่างประเทศ และออกงานสังคม ทำให้เธอเริ่มคิดว่า ถึงจุดอิ่มตัว จึงคิดจะทำอำไรเป็นของตัวเอง เพื่อสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง จึงคิดว่าเราน่าจะทำอาหารขายดีกว่า
“ การเป็นแฟนกัปตันได้เดินทางไปทั่วโลก ชีวิตคู่ก็โอเคแรกๆที่มาอยู่อียิปต์ ได้ทำหน้าที่ภรรยาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สังคมอียิปต์ถึงแม้ลูกจะออกเรือนไปแล้ว เขาก็ยังมีความรักความผูกพันกับครอบครัวอยู่ ซึ่งสามีเป็นคนที่รักพ่อแม่พี่น้องมาก แต่สิ่งนั้นมันไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้มาบั่นทอนความรักของเราที่มีต่อกัน แต่แล้วก็เริ่มมีปากมีเสียงกันกับน้องสาวสามี ในเรื่องที่สามีซื้อของให้เรา เพราะน้องไม่พอใจ จึงทำให้เกิดประเด็นขัดแย้งกัน สุดท้ายพี่ก็เลือกที่จะเดินออกมา”
จากนั้นเธอก็คิดจะเดินตามฝัน ที่จะเปิดร้านอาหารไทย ขณะที่กลับมาประเทศไทยได้พบกับเพื่อนรักสมัยประถมวัย คือคุณนพวรรณ ณ นคร หรือ คุณนพ เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่เซนฟรังต์ซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ซึ่งคุณนพเองก็มีบริษัทอยู่ที่เมืองไทย แต่เมื่อเพื่อนชวนก็เลยตัดสินใจมาทำร้านอาหารด้วยกันทันที
“ เราเปิดร้านอาหารเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2534 โดยใช้ชื่อว่า “ร้านอาหารไทยบัวขาว” ที่เมือง มาอาดี เป็นร้านแรก โดยตอนแรกก็ทำอยู่คนเดียวมีลูกค้าเยอะมาก เลยต้องขอให้คุณนพ มาช่วยที่ร้านด้วย” ทางร้านมีพนักงานที่เป็นทั้งคนไทยและคนอาหรับ
คุณต้อยบอกว่า เธอกับ“คุณนพ” มีความต่างกันที่ลงตัว คุณนพ มีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นผู้หญิงสบายๆเป็นคนใจเย็น ส่วนเธอเป็นคนห้าวๆ ดุๆ และเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว โดยใช้ความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ต่อกันในหน้าที่ เราทำงานเรารู้ใจกัน กลายเป็นคู่หูที่ลงตัว ทำให้กิจการรุดหน้าและพัฒนาไปด้วยดีมาตลอด
เธอบอกว่าในการบริหารงาน จะใช้ระบบการทำงานแบบพี่น้อง จะดูแลพนักงาน และบางครั้งต้องดูแลครอบครัวของเขาด้วย พ่อแม่ป่วยเราก็พาไปโรงพยาบาลและจ่ายค่าดูแลรักษาพยาบาลให้ ซึ่งเป็นความผูกพันธ์กันทุกคน
สิ่งนี้เองทำให้กลายเป็นกำแพงอย่างหนา ที่ปกป้องจากอันตรายภายนอก เมื่อตอนปฏิวัติในอียิปต์ เธอและคนไทยที่ทำงานในประเทศอียิปต์ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ โดยมีลูกจ้างอาหรับในร้านมาช่วยกันดูแลคนไทย เสมือนหนึ่งเป็นยามรักษาความมั่นคงให้คนไทยนั่นเอง
วันนี้ “คุณยุพดี สวามิวัสดุ์ และ คุณนพวรรณ ณ นคร” ยังคงอยู่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยหากมาอียิปต์แล้วไม่มาทานอาหาร...ร้านบัวขาวก็เท่ากับว่ามาถึง..ปิรามิด...แต่ยังไม่ได้ล่องแม่น้ำไนล์ ..ว่าอย่างนั้นเถอะครับ.
หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก: นิตยสาร ดิ อะลามี่ คอลัมน์ไลฟสไตล์ ฉบับ เดือน มกราคม 56