ซีพีเอฟ ผ่านการรับรอง มาตรฐาน FAMI-QS
สำนักข่าวอะลามี่ : บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มอบใบรับรองระบบการจัดการคุณภาพและความปลอดภัยส่วนผสมอาหารสัตว์ ตามมาตรฐาน FAMI-QS (Feed Additives and PreMixtures Quality System) แก่โรงงานผลิตพรีมิกซ์อาหารสัตว์น้ำมหาชัยของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่
นายสุเมธ หุตินทรวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับรองมาตรฐานในระดับโลก เปิดเผยว่า FAMI-QS เป็นมาตรฐานในกลุ่มประเทศยุโรป การที่ซีพีเอฟนำมาตรฐานดังกล่าวมาใช้พัฒนากระบวนการได้มาซึ่งส่วนผสมอาหารสัตว์ ที่ถือเป็นต้นทางของห่วงโซ่การผลิตอาหารปลอดภัย แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของซีพีเอฟ และสะท้อนความเป็นผู้นำด้านคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร (Food Safety) สอดคล้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของกลุ่มประเทศยุโรป ที่กำหนดให้มีการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของส่วนผสมอาหารสัตว์ (Feed Additive) ที่ผู้ผลิต/ขายต้องได้รับมาตรฐาน FAMI-QS นี้เช่นเดียวกัน จึงจะได้รับการยอมรับว่าผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้บริโภคนั้นมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง
“ ขอแสดงความยินดีกับซีพีเอฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ ซึ่งช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับซีพีเอฟและผู้รับมอบสินค้า ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ในด้านการประกันคุณภาพสินค้าตลอดห่วงโซ่การผลิต ที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค และคาดว่าเร็วๆนี้ โรงงานผลิตพรีมิกซ์อาหารสัตว์บกบางนาก็จะได้รับรองมาตรฐานนี้เช่นเดียวกัน ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาไปสู่การดำเนินการผลิตอย่างยั่งยืน” นายสุเมธ กล่าว
ด้าน นายเอมมานูเอล เกนยาตากิส (Mr.Emmanuel Geneiatakis) เลขาธิการ FAMI-QS ที่เป็นวิทยากรในการอบรมมาตรฐาน FAMI-QS : Version 6 ที่มาตรฐานฉบับปรับปรุงใหม่ล่าสุด ให้กับผู้บริหารและบุคลากรของซีพีเอฟ กล่าวว่า มาตรฐานนี้ครอบคลุมระบบการ จัดการด้าน GMP (Good Manufacturing Practice) ระบบ HACCP ตามมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex Alimentarius) และมีการบูรณาการเข้ากับระบบบริหารมาตรฐานสากลอื่นๆ เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องมีการควบคุมการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์และส่วนผสมอาหารสัตว์ (Feed Additive) ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป
การที่ซีพีเอฟมีการผลิตที่ได้มาตรฐานนี้เป็นการยืนยันว่าองค์กรมีการผลิตที่ปลอดภัยถูกสุขอนามัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ
ส่วน นายบุญทอง อังควานิช รองกรรมการผู้จัดการด้านพรีมิกซ์ ธุรกิจวิชาการอาหารสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟนำมาตรฐานดังกล่าวมาใช้ในกระบวนการผลิตพรีมิกซ์อาหารสัตว์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบบริหารคุณภาพและความปลอดภัยของส่วนผสมอาหารสัตว์ ทั้งยังสร้างประโยชน์ทางธุรกิจจากความสามารถในการขายพรีมิกซ์และส่วนผสมอาหารสัตว์ไปยังผู้ผลิตอาหารสัตว์ (Feed) ที่ใช้เลี้ยงสัตว์ สำหรับผลิตเป็นอาหาร (Food) และส่งออกไปในกลุ่มประเทศยุโรปช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และซีพีเอฟจะยังคงพัฒนากระบวนการผลิตอย่างยั่งยืนเช่นนี้ต่อไป./