“เวชธานี”ชูเชียวชาญด้าน”โรคกระดูก-ข้อ”เจาะตลาดอาหรับ

            สำนักข่าวอะลามี่ : โรงพยาบาลเวชธานี ชูจุดขาย”โรคกระดูก –ข้อ “ ยกระดับสู่โรงพยาบาลนานาชาติ เผยหลังทำตลาดมา5 ปี มีลูกค้าตะวันออกกกลางขยายตัวมากขึ้น  คาดมีเงินสะพัดจากธุรกิจสุขภาพจากกลุ่มอาหรับไม่น้อยกว่า2-3หมื่นล้าน ขณะที่เวชธานีแชร์ได้แค่ปีละ 500 ล้านบาทเท่านั้น ปีหน้าเตรียมบุกตลาด ซูดาน และ บาร์เหรน 

           นายวิทยา มุงอินทร์  ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอาหรับ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรงพยาบาลเวชธานีมีผู้เชี่ยวชาญหลายด้านทั้งด้านกระดูก  โรคข้อ โรคหัวใจ และสมอง แต่จะชูจุดขายความเป็นเลิศด้านโรคข้อและกระดูก เป็นหลัก โดยหลังจากที่ปรับเปลี่ยนด้านการตลาดเมื่อ ประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ส่วนใหญ่ 70-80% เป็นลูกค้าชาวอาหรับ

            อย่างไรก็ตามลูกค้าคนไทยยังเป็นกลุ่มเป้าหมายเดิมที่บริษัทวางไว้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ลูกค้าต่างชาติ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฏว่าลูกค้าส่วนใหญ่ โดยมีลูกค้าต่างชาติจาก20 ประเทศ ในจำนวนนี้ลูกค้าลำดับต้นๆประกอบด้วย ประเทศอาหรับอามิเรต(UAE) โอมาน การ์ต้า คูเวต บาร์เหรน 

           “ลูกค้าจะรู้จักเรามากขึ้น หลังจากที่เราเดินสายโรดโชว์ พร้อมนำเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยไปให้บริการ ซึ่งแต่ละครั้งจะยกทีมไปทั้งเจ้าหน้าที่ แพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน “ นายวิทยา กล่าวและว่า

            สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่บริการระบบอินเตอร์เนชั่นแนล ปัจจุบันที่ติดอับดับท๊อป 5 ประกอบด้วย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลเวชธานี โรงพยาบาลปิยะเวช และ โรงพยาบาลสมิติเวช ซึ่งเราจัดอยู่ในอันดับ3 ในกลุ่มดังกล่าว

            ส่วนตลาดลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มตลาดอาหรับคาดว่าแต่ละปีจะมีเงินหมุนเวียนมารักษาพยาบาลไม่น้อยกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท  โดยในจำนวนนี้โรงพยาบาลเวชธานี สามารถแชร์ตลาดได้อยู่ที่ 500ล้านบาท/ปี

            “ หากดูจากสติถิ การเติบโตของโรงพยาบาลเวชธานี ที่ผ่านมาพบว่ามีการขยายตัวที่น่าพอใจ ตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อปี 2550 มีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท ขยับมาในปี51 เป็น150 ล้านบาท ในปี 52 เพิ่มเป็น 250 ล้านบาท ในปี 53 เพิ่มเป็น 380ล้านบาท และในปี 54 แค่ครึ่งปีแรก มีรายได้เข้ามาร่วม500ล้านบาท”

              ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอาหรับ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวอีกว่า สำหรับ ตลาดสุขภาพในเอเชีย พบว่าประเทศไทยมีการตื่นตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในเอเชียด้วยกัน แม้ว่ามาเลเซียและสิงคโปร์ จะพยายามรุกตลาดเช่นกัน แต่ปรากฏว่าการยอมรับจากลูกจะยอมรับการให้บริการจากประเทศไทยมากกว่า ส่วนบุคลาการของโรงพยาบาลนั้นเรามีล่ามแปลภาษาและเจ้าหน้าที่ร่วม50คน ซึ่งกำลังเตรียมรับเพิ่มเพื่อรแองรับการขยายตัวและลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

                          (เจ้าหน้าที่ล่ามภาษา)

              อย่างไรก็ตามในส่วนของการตลาดในปีหน้าเราเตรียมที่จะรุกตลาดเข้าไปในประเทศซูดาน เนื่องจากประเทศซูดานมีประชากรประมาณ 40ล้านคน และในจำนวนนี้ประมาณ 5-10% จัดอยู่ในกลุ่มที่มีฐานะ นอกจากนี้จะเพิ่มการขยายตลาดเข้าไปในบาร์เหรน แม้ว่าจะมีการทำตลาดอยู่แล้วก็ตามแต่จะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น

           “ในส่วนการตลาดนั้น ปัจจุบันเรามีสำนักงานอยู่ประเทศโอมาน และการ์ต้า โดยมีเจ้าหน้าคนไทยประจำ ซึ่งกำลังเตรียมจะขยายสำนักงานในประเทศสหรัฐอาหรับอามิเรต ส่วนที่ ซูดานและบาร์เหรน เรามีแผนว่าจะเข้าไปตั้งสำนักงานที่นั่น เพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้าได้มากขึ้น โดยคาดหวังว่าจะสามารถทำยอดในปีแรกประมาณ 10-20ล้านบาท ส่วนที่บาห์เหรน ประมาณ 10ล้านบาท ”

            นายวิทยา กล่าวอีกว่า สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของโรงพยาบาลเวชธานีขณะนี้สามารถแบ่งสัดส่วนลูกค้าได้ตามกลุ่มประเทศต่างประกอบด้วย อาหรับอมิเรต 60% โอมาน 20% การ์ต้า 10% คูเวตและบาร์เหรน ประมาณ 4%  ที่เหลือเป็นลูกค้าจากประเทศอื่นจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง