ไอแบงก์เล็งคลอดกองทุนซูกู๊ก5พันล.รับขยายตัว”เออีซี”
สำนักข่าวอะลามี่: ในที่สุดพรบ.การเงินอิสลามผ่านความเห็นชอบของรัฐบาล หลังจากที่ยื้อมานาน “วิรุฬ เตชะไพบูลย์” กองทุนซูกุ๊กดึงเม็ดเงินต่างประเทศเข้าไทยได้เพิ่มขึ้น ด้านผู้บริหารไอแบงก์เตรียมสยายปีกออกพันธบัตรอิสลาม 5พันล้านขยายฐานการเงินรับAEC คาดออกได้กลางปีหน้า
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการออกพันธมิตรอิสลาม หรือ ซูกุ๊ก ว่า คณะรัฐมนตรี ได้ผ่านการพิจารณา และสามารถประกาศใช้ได้แล้วเมื่อประมาณกลางเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา โดยให้มีการละเว้นในการการเก็บภาษี 2 ต่อ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่า อาทิเช่น สมมุติเราไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง เมื่อซื้อก็จะต้องเสียค่าจำนอง เสร็จแล้วเมื่อระยะหนึ่งเมื่อมีกำไร และหากต้องการซื้อกลับไป เราจะต้องเสียค่ากำไรอีกต่อ เท่ากับผ็ชื้อต้องจ่ายค่าทำเนียม 2 ต่อ ฉะนั้น พรบ.การเงินฉบับใหม่นี้ ได้ปรับให้ทันสมัยขึ้น เพราะ ซูกุ๊ก ในต่างประเทศต่างๆเขาคิดกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“ เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นข่าวดี โดยเฉพาะธนาคารอิสลามฯ เขาติดตามเรื่องนี้มานาน ซึ่ง พรบ.ดังกล่าว จะทำให้ไอแบงก์ มีเงินในการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่มาจากต่างประเทศ “
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า กองทุน ซูกุ๊ก จะเป็นโครงการที่ลดความเสี่ยง แต่กระยั่นอยู่ที่เราว่าจะเสนอโครงการอะไรไปและโครงการดังกล่าวจะเสี่ยงแค่ไหน ทั้งนี้ซูกุ๊ก จำสามารถนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาสู่ระบบในเมืองไทยมากขึ้น แต่อันนี้อาจจะเป็นระยะสั้น ระยะยาว
“กองทุน ซูกุ๊ก อาจมีระยะเวลาการถือยาว5ปี หรือในระยะยาวอาจขยายเวลาไปเป็น 10 ปี ทั้งนี้สุดแล้วแต่จังหวะและเวลา มั่นใจว่าการตอบรับของสังคมยังมีความต้องการอยู่
“ แม้ว่าเราจะมีกองทุนซูกุ๊ก แต่ไม่ใช่ว่าจะเปิดระดมทุนโดยไม่มีขอบเขต ทั้งนี้ต้องดูความจำเป็นและมติของคณะกรรมการไอแบ็งก์ และ ต้องดูความเป็นไปได้ ตลอดถึงลดความเสี่ยงในการลงทุนด้วย”นายวิรุฬ และว่า
หลังจากพร.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ทันที หากเวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC มาถึงจะทำให้ โดยเฉพาะประชาคมในกลุ่มมุสลิมมากถึง 300 ล้านคน อีกทั้งชาวมุสลิมคุ้นกับระบบการเงินแบบชารีอะห์อยู่แล้วคาดว่าจะช่วยธนาคารอิสลาม ฯมีระบบที่บริบูรณ์มากขึ้น
้ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต กรรมการและรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางธนาคารฯ ได้เตรียมตัวในเรื่องของซูกุ๊ก ไประยะหนึ่งแล้ว โดยเราได้เชิญผู้เชียวชาญมาจัดลำดับ โดยเราติดอยู่ในเรดติ้ง “ดับเบิ้ลเอ” ถือว่าอยู่ในเกรดที่ดีทีเดียว
“ นอกจากนี้ เราได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินจัดเตรียมการเพื่อที่จะได้นำเสนอเป็น ข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ลงทุน โดยคาดว่าเราจะมีความพร้อมจะออก ซูกุ๊กได้ประมาณต้นปีหรือกลางปีหน้านี้”
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนซูกุ๊ก ที่จะออกมามั่นใจว่าจะสามารถใช้เป็นเงินกองทุนของธนาคารได้ด้วย เนื่องจากอายุของตราสารระยะเวลาประมาณ5 ปี ก็ให้เป็นเงินกองทุนขั้น2 จะทำให้ฐานทุนของธนาคารฯมีความแข็งแรงขึ้นมาก อีกทั้งจะ สามารถขยายและอำนวยสินเชื่อได้อีกมาก
“สำหรับกองทุนซูกุ๊กก้อนแรกเราจะออกจำนวนเงิน 5,000ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวสามารถทำให้ธนาคารเติบโตมากกว่าทุกวันนี้ได้อีก 50% ได้อย่างสบาย ๆ “ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวและว่า
สำหรับกลุ่มผู้ลงทุนเบื้องต้นเราจะเปิดตลาดให้กว้างเอาไว้ก่อน โดยมีกลุ่มผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงนักลงทุนและประชาชนทั่วไปก็สามารถมาลงทุนในพันธบัตรของซูกุ๊ก ได้ทั้งหมด
“ เท่าที่เราสำรวจพบว่าในประเทศมีความต้องการสูงมาก เราเองมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดตลาดไปยังต่างประเทศบ้าง เพื่อที่จะให้เขารู้จักธนาคารอิสลามฯของเรามากขึ้น แต่จริงๆ แล้ว คาดว่านักลงทุนภายในประเทศเอง ก็มีความต้องการมหาศาลอยู่แล้ว”
หมายเหตุ:ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2555