สภาองค์การมุสลิมฯขยับจี้คุ้มครองสิทธิ์ฮุจญาจย์
สำนักข่าวอะลามี่: สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย ขยับเตรียมเปิดเวทีรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้แสวงบุญฮัจย์ หลังพบว่ามีปัญหาทุกปี พร้อมปกป้องสิทธิ์ฮุจญาจย์ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เตรียมพบรัฐมนตรีวัฒนธรรม หาทางออกร่วมเร็วๆนี้
นายประมาณ มุขตารี ประธานสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทุกปีการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์จะมีปัญหาทั้งเรื่องการเดินทาง การทำวีซ่า หรือ การมัดจำเงินไปแล้วแต่กลับไม่ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ นอกจากนี้ การอำนวยความสะดวกผู้แสวงบุญฮัจย์ ที่นครเมกกะฮ์ ไม่ได้รับการดูแลเท่าทีควร เมื่อเปรียบเทียบกับผู้แสวงบุญจากประเทศอื่นๆ
“หลังจากที่ผู้แสวงบุญเดินทางกลับมา เราได้รับการร้องเรียนและสะท้อนปัญหามากมาย จึงจำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เพื่อลดปัญหาในระยะยาว โดยการประสานงานกับภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสาระหลักของการเคลื่อนไหวคือเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของฮุจญาจย์เป็นหลัก”
นายประมาณ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ผู้แสวงบุญฮัจย์หรือฮุจญาจย์ ถูกเอาเปรียบจากหลสยภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ แซะห์ หรือผู้ประกอบการฮัจย์ แต่ไม่เคยมีองค์กรใด มาปกป้อง ผุ้แสวงบุญ หรือเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้แสวงบุญ ทำให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซาก
“ล่าสุดสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย ได้นัดประชุมวาระพิเศษ เพื่อติดตามสถานการณ์เรื่องฮัจย์ โดยกำหนดวาระเร่งด่วน และวาระอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระเร่งด่วนคือ เงินที่ผู้แสวงบุญได้มัดจำไปจำนวน5หมื่นบาท หลายคนลงทะเบียนไปแล้ว บางรายรอมาแล้ว1ปีบางราย2ปีแล้วยังไม่ได้เดินทาง แต่เงินยังไม่ได้รับคืนจากกรมศาสนา เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้แสวงบุญด้วย”
ประธานสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่าขณะนี้ได้ประสานงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายสนธยา คุณปลื้ม เพื่อขอเข้าพบ ประสานงานข้อมูลและติดตามปัญหาฮัจญ์ เพื่อนำมาสู่การแก้ปัญหาในระยาวต่อไป
“เราไม่ได้ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับหน่วยงานไหน แต่เราเพียงเรียกร้องสิทธิ์กับผู้แสวงบุญ และสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางไปทำฮัจญ์ปีนี้ มีปัญหาและข้อครหาหลายเรื่อง ที่กำลังมีการฟ้องร้องกับผู้ประกอบการ และเป็นข้อขัดแย้งระหว่างกรมศาสนากับผู้ประกอบการฮัจย์ รวมถึง การพาดพิงถึงสถานทูตซาอุดิอารเบีย ในการอนุญาตวีซ่าฮัจญ์ ที่ไม่ปรกติ
มีรายงานว่า ผู้ประกอบการมีการลักลอบใช้เอกสารอันเป็นเท็จ นำรายชื่อ 807 คน ไปขอวีซ่ากับสถานทูตซาอุฯ ซึ่งเรื่องนี้ อุปทูตซาอุดิอาระเบีย คนใหม่ ไม่พอใจมาก นอกจากนี้ยังมีบริษัทผู้ประกอบการฮัจย์อีก3-4ราย ทีเคยถูกขึ้นบัญชีรายชื่อก่อนหน้านี้ แต่เจ้าหน้าที่กรมศาสนา ไม่เสนอให้มีการพิจารณาความผิด จนทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังลอยนวล และ ยังคงประกอบการกิจการต่อไปได้อีกทั้งๆเรื่องนี้ถูกขึ้นแบล็คลิสต์ตั้งแต่ปี 2553 หรือ 2-3ปีที่ผ่านมา