ไอแบงก์ปล่อยกู้620ล้านหนุนสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา
สำนักข่าวอะลามี่: ไอแบ็งก์ จับมือสงขลาไบโอแมส เดินหน้าปิดดีลสินเชื่อ 620 ล้านบาท มุ่งหวังเป็นต้นแบบโรงไฟฟ้าของชุมชน ที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการอย่างแท้จริง คาดจะสามารถเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปี 2557
บริษัท สงขลาไบโอแมส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฮดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท พรีไซซ เพาเวอร์โปรดิวเซอร์ จำกัด และ สหกรณ์ออมทรัพย์อัศศิดดีก จำกัด ลงนามสัญญากับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล กับ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยวงเงินมูลค่า 620 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ในฐานะผู้ถือหุ้น กล่าวว่า โครงการไฟฟ้าชีวมวลสงขลา เป็นโครงการที่เราภาคภูมิใจมาก เพราะรูปแบบการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าอย่างแท้จริง โดยให้สหกรณ์อัศศิดดิก ได้เข้ามาถือหุ้นร่วมกันในสงขลาไบโอแมส จากนั้นจะดำเนินการกระจายหุ้นให้กับชุมชนในพื้นที่ รอบโรงไฟฟ้าต่อไป
“ การมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าของชุมชน จะทำให้ชุมชนเกิดความเข้าใจเกี่ยกับโรงไฟฟ้า ช่วยดูแลและตรวจสอบการดำเนินการกระจายหุ้นให้กับชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต่อไป”
นายนพพล นอกเหนือจากเงินทุนแล้ว ราชบุรี โฮลดิ้งฯ ยังได้สนับสนุน บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนและด้านการทำเงินให้โครงการเดินหน้าได้ตามเป้าหมาย และที่สำคัญโครงการนี้ยังตอบสนองกลยุทธ์การเติบโตด้านพลังงานทดแทนของบริษัทฯ และ เป็นการตอบสนองนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลให้ได้ 3,630 เมกะวัตต์ในปี 2564
“ การเป็นพันธมิตรกับพรีไซซ เพาเวอร์ ในโครงการชีวมวลสงขลา ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะทั้งสองผ่ายมีเป้าหมายเดียวกันคือ ตอบสนองนโยบาย ของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศเพื่อการผลิตไฟฟ้า และลดภาวะโลกร้อนขณะเดียวกันก็มองว่า การจะพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดการยอมรับและเชื่อมัน เพื่อให้โครงการและชุมชนอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับและได้รับความร่วมมือจากชุมชนเป็นอย่างดี “ นายพพล กล่าว
ด้าน นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย กรรมการบริษัท พรีไซซ เพาเวอร์ โปรดิวเซอร์ จำกัด หนึ่งในผู้ถือหุ้น เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา ริเริ่มขึ้นตามนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนของภาครัฐ โดยบริษัทฯ ได้เลือกพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นที่ตั้งโครงการ เพราะมองเห็นศักยภาพชีวมวลที่มีอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกยางพารามากกว่าร้อยละ 85ของประเทศ มีปริมาณรากไม้ยางพาราจำนวนมากที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้
อีกทั้งโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ซึ่งการแปรรูปไม้ยาพารานั้น จะได้ปีกไม้และขี้เลื่อยเป็นผลพลอยได้ ซึ่งจะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลได้เช่นกัน ทำให้มีมีความเสี่ยงต่ำในด้านเชื้อเพลิง
“โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่รัฐให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ โดยให้ราคารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมอี 1 บาท ต่อหน่วยผลิต หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็นเวลา 7 ปี อันทำให้โครงการมีผลตอบแทนดียิ่งขึ้น “ นายพรเทพกล่าว
ด้าน นายก่อซี อุเซ่ง ผู้จัดการสหรณ์ออมทรัพย์อัศศิดดีก จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยสหกรณ์ฯ ได้ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างผู้พัฒนาโครงการและชุมชน มีส่วนร่วมในการคิด รวมทั้งหาทางออกให้กับประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาโครงการอย่างสร้างสรรค์
“ แนวคิดที่สนับสนุนให้โครงการนี้เป็นโครงการเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง คือ เปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนในฐานะเจ้าของโครงการแสดงถึงความจริงใจของผู้พัฒนาโครงการ ทำให้ชุมชนมีความเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน”
นายณรงค์ศักดิ์ วิเชษฐ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สงขลาไบโอแมส จำกัด เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา มีขนาดกำลังผลิต 9.9เมกะวัตต์ และกำหนดขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 9.1เมกะวัตต์ บริษัทฯ มีความภูมิใจในความก้าวหน้าของโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากทุกผ่ายอ่างดียิ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่ามาได้มีการลงนามในสัญญา ซื้อขายไฟฟ้า ประเภท Non-Firm สำรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมากับ กฟภ.ระยะเวลา 25 ปี และได้รับการสนับสนุนอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) จองกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมารส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นระยะเวลา 8 ปี
ล่าสุด บริษัทฯได้ลงนามสัญญาสนับสนุนสินเชื่อวงเงินมูลค่า 620 ล้านบาทกับ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย“ ภายหลังการลงนามเงินกู้วันนี้แล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการออกแบบ จัดหาอุปกรณ์และก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าโรงไฟฟ้าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกรกฎคม 2557”
หม่อมราชวงศ์ศศิพฤนท์ จัทรทัต กรรมการ และรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามห่งประเทศไทย แสดงความเห็นว่า โครงการนี้ถือเป็นก้าวแรกของธนาคารในการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานนับตั้งแต่ธนาคารได้จัดตั้งมา จนปัจจุบัน 9 ปี แล้ว ซึ่งเป็นโครงการที่มีจุดเด่น ในแง่ของการสับสนุนคนในชุมชนและความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง เพราะในพื้นที่ภาคใต้การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้ายังมีไม่มากนัก ทำให้ประมาณของเชื้อเพลิงยังมีอยู่เพียงพอ ด้วยความพร้อมของเงินทุนดังกล่าวจะเสริมสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายได้ว่าโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาจะสามารถเดินหน้าดำเนินการตามแผนงานได้สำเร็จ โดยจะสามารถเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปี 2557 ตามเป้าหมายไว้ในที่สุด