Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   โรงไฟฟ้าถ่านหินเล็งปักธงภาคใต้ประเดิม"ท่าศาลา-หัวไทร"

  โรงไฟฟ้าถ่านหินเล็งปักธงภาคใต้"ท่าศาลา-หัวไทร"

             สำนักข่าวอะลามี่ : เครือข่ายนักวิชาการ เตรียมปรับบริบทวาระวิจัยแห่งชาติ “อธิบายสังคมยุคแย่งชิงทรัพยากร” กฟผ.เดินหน้าไฟฟ้าถ่านหิน ปักธงให้ได้จุดแรกหัวไทร ก่อน ภาคใต้โผล่ตามเป็นดอกเห็ด ปรับแผนหว่านงบต่อเนื่องหวังซื้อใจ อปท.-มวลชน ยอมเปิดทางสร้างโรงไฟฟ้า

(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)

             ดร.เลิศชาย ศิริชัย นักวิชาการประจำสำนักวิชาศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ แสดงความเห็นว่าสังคมของภาคใต้และประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป เห็นว่า กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการแย่งชิงทรัพยากร เครือข่ายนักวิชาการได้มีการหารือกันเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้วมีข้อสรุปว่าทรัพยากรในท้องถิ่น ซึ่งเป็นทรัพยากรของชุมชน กำลังกลายเป็นทรัพยากรของโลกเพราะคนมีเงิน มีทุนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้ามาแย่งชิงเอาไปได้เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง ร่ำรวยที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ

             “การต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรและความเป็นชุมชนของชาวบ้านกำลังเข้าสู่ยุคเข้มข้น รุนแรง ยุ่งยาก สู้ยาก มีวิธีการต่อสู้ที่ยากลำบากมากขึ้น นั่นคือการต่อสู้เคลื่อนไหวที่ยากลำบาก ในแง่มุมทางวิชาการปรากฎการณ์เช่นนี้เป็นวิชาการที่กำลังตีบตันไม่สามารถอธิบายได้ จึงเห็นว่าจะต้องมีการหันกลับมามองบริบทวิธีคิด และถกเถียงกันทางวิชาการครั้งใหญ่เพื่อปรับตัวอย่างเข้มข้น และสามารถอธิบายได้อย่างมีพลังมากพอ หากไม่สามารถอธิบายได้ไม่เช่นนั้นการแย่งชิงเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดความรุนแรงได้” ดร.เลิศชาย กล่าวและว่า

             ทั้งนี้ตัวอย่างกรณีความพยายามในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยอ้างว่าไฟฟ้า กำลังมีปัญหาไม่เพียงพอ เป็นเพียงกระบวนการหนึ่งเพื่อผลักดันให้สังคมเกิดความตื่นกลัว เป็นการสร้างมายาคติว่ามีเรื่องสำคัญ และเกิดวิตกว่า จะมีความเดือดร้อนโดยเฉพาะคนส่วนใหญ่จะไม่มีไฟฟ้าใช้ และทำให้คนที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยมาเดือดร้อนแล้วหันไปกดดันคนส่วนน้อยที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ

             “ผู้ที่เดือดร้อนจากผลกระทบจะถูกบีบบังคับไม่ให้มีสิทธิมีเสียง ไม่ให้มีพื้นที่ในการใช้สิทธิใช้เสียง แท้จริงคนเหล่านี้ใช้ไฟฟ้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น แล้วคนที่จะไม่มีไฟฟ้าใช้คือใครเป็นนักลงทุน เป็นนายทุน การที่จะบอกว่าสังคมจะเดือดร้อนนั้นเป็นมายาคติที่รุกรานผู้ที่ต้องรับผลกระทบเพิ่มเท่านั้น” ดร.เลิศชายกล่าว

              ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการไฟฟ้าฝ่ายผลิต มีรายงานว่าในส่วนของภาคใต้นั้นแหล่งข่าวภายใน กฟผ.เปิดเผยว่าตามแผนนั้นจะต้องมีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างแน่นอน ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช เดิมมีเป้าหมายในการก่อสร้าง 2 จุดคือ อ.ท่าศาลาและ อ.หัวไทร ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนว่า จะต้องดำเนินการที่ อ.หัวไทร ให้ได้ก่อนเนื่องจากความเหมาะสมของพื้นที่และการต่อต้านที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าใน อ.ท่าศาลา ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะใช้พื้นที่ของ อ.หัวไทร เป็นที่แรก

               ส่วนกระบวนการทำงานในพื้นที่นั้นเป็นอีกเรื่องที่ต้องทำไปตามขั้นตอนบังคับตามกระบวนการ 7 ขั้นตอนที่ผู้บริหารได้ชี้แจง ส่วนงานจริงในพื้นที่นั้นเป็นอีกเรื่อง เมื่อขึ้นได้เป็นโรงแรกแล้วโรงอื่นๆตามแผนที่มีการกระจายชุดเจ้าหน้าที่ลงไปเช่น สะบ้าย้อย สงขลา กระบี่ สุราษฎร์ธานี ตรัง บ้านไม้รูด จ.ตราด กาฬสินธ์ จะสามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น เข้าใจว่าที่บ้านไม้รูด และที่กาฬสินธ์ นั้นน่าจะเป็นชนิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ยังไม่มีข่าวเปิดปรากฎออกมา

              “ผู้บริหารระดับสูงได้ปรับแผนในการลงพื้นที่ของคณะทำงานชุดต่างๆที่ลงมาปฏิบัติงานในแต่ละจังหวัดจากเดิมนั้นเน้นการสนับสนุนทั้งงบประมาณ และ สิ่งของเข้าถึงตัวบุคคลและองค์กรต่างๆเป็นหลัก เปลี่ยนเป็นการเดินแผนใหม่โดยการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้องค์กรกครองส่วนท้องถิ่นเป็นฝ่ายไปดำเนินการในเรื่องพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่เป้าหมายแห่งไหนพร้อมจะสามารประสานกับ กฟผ.เริ่มโครงการสร้างโรงไฟฟ้าได้ทันที โดยมีภาษีที่จะเข้า อปท.เป็นสิ่งล่อใจรวมไปถึงกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าตามกฎหมายที่จะต้องเกิดขึ้น”

              แหล่งข่าวรายเดิมยังอธิบายต่อว่าขณะนี้ในส่วนของนครศรีธรรมราช นได้มีการปรับแผนแล้วในการให้งบประมาณสนับสนุน โดยโครงการแรกนั้นเป็นการใช้จ่ายงบของ กฟผ.ผ่านสำนักงานพลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพที่ออกมาผู้ที่จัดโครงการนี้คือจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เคยรับปากว่าจะจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อเป็นทางออกของการพูดคุยทำความเข้าใจ แต่อย่างไรก็ตามช่องทางนี้ถือเป็นการสร้างมวลชน ผ่านโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “วิกฤตพลังงานชาติ นครศรีธรรมราช จะเอาอย่างไร” ในวันที่ 13 ก.ย.54 นี้ โดยมีการระดมคน มาเข้าร่วมจาก อปท.บางแห่ง ในขณะเดียวกันจะมีกลุ่มที่แสดงออกถึงการปฏิเสธโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน

                ส่วนอีกโครงการนั้น กฟผ.ได้สนับสนุนงบประมาณโดยร่วมกับ อบจ.นครศรีธรรมราช จัดกิจกรรมแรลลี่ผ่านโครงการ สื่อมวลชนแรลลี่สัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว ครั้งที่ 1 เส้นทางนครศรีธรรมราช-ขนอม เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ตอน”ตอนเมืองพระธาตุยอดทอง บุกถิ่นโลมา งามตาเมืองร้อยเกาะ สืบเสาะกุ้ยหลินเมืองไทย  โดยกำหนดจัดแข่งขันระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2554  โดยมีวัตถุประสงค์ตามโครงการคือ เพื่อสนับสนุนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” โดยมีนักจัดรายการวิทยุชุมชน และสื่อท้องถิ่นซึ่งถือเป็นช่องทางหลักในการประชาสัมพันธ์ของ กฟผ.เข้าร่วมด้วยหลายราย.