ไอแบงก์ลงนามบสย.อุ้มธุรกิจSMEรองรับแข่งขันตลาดอาเซี่ยน
สำนักข่าวอะลามี : ไอแบงก์จะมือ บสย.เซ็น MOU วงเงิน 1.2 พันล้าน อุ้มผู้ประกอบการ SMEs และ กลุ่มธุรกิจฮาลาล ใน 2 โครงการ เพื่อฝให้เอกชนเข้าถึงเงินทุนของธุรกิจอาหารฮาลาล เพื่อรองรับการแข่งขัน ก่อนที่ไทย เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เร็วๆนี้
เมือวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา บรรษัท ประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน “ โครงการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการธุรกิจฮาลาล และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ IBank Big5” โดยมี นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และมี นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวต้อนรับ ณ ห้องตะกั่วป่า โรงแรมหรรษาเจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจุบันมุสลิมทั่วโลกมีประมาณ 1.6 พันล้านคน หรือ 23 % ของประชากรโลก และคาดว่าภายในปี 2573 จะมีจำนวนมุสลิมโลกเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 พันล้านคน เห็นถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจฮาลาลจาก ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันนั้น ธุรกิจฮาลาลทั่วโลก มีมูลค่ารวมกว่า 208 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ถึง 5.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
ประกอบกับประเทศไทยมีความโดยเด่นในเรื่องการผลิตอาหารสำเร็จรูป และอาหารทะเล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกมากยิ่งขึ้น เฉพาะภายหลังจากที่มีการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 นี้ ก็จะมีตลาดของประเทศอินโดนีเซียรองรับอย่างแน่นอน ซึ่งมีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลกคิดเป็น 13% ขณะที่มาเลเซีย และบรูไนเอง ก็เป็นประเทศที่มีมุสลิม และมีมูลค่าตลาดมหาศาลด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องเกิด 2 โครงการลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยง่ายขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันให้ “ครัวไทยสู่ครัวโลก”
“นอกจากการลงนามในครั้งนี้แล้ว ยังมีแนวคิดที่จะขยายไปสู่กลุ่มต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในประเทศมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งจะมีการตกลงกับผู้ประกอบการในเร็วๆ นี้ โดยผลกำไรไม่ต่างกับกับโครงการที่ทำขึ้นให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย”นายวิรุฬ กล่าว.
ด้าน นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อฯ จะเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนด้านการเงินให้ผู้ประกอบการ SMEs ธุรกิจฮาลาล ที่ได้รับใบอนุญาตและมีหนังสือรอบรองฮาลาล ทั้งในส่วนของภาคการผลิต การค้า และบริการ สามารถแข่งขับกับต่างประเทศตามนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก โดยมีวงเงินค้ำประกันรวม 500 ล้านบาท หรือ ไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย ภายในอายุการค้ำประกัน 7 ปี ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเพียง 1.25% ต่อปี โดยสิ้นสุดการรับคำขอภายในวันที่ 19 มิ.ย.2556
ขณะที่ ดร.ชวิศ ชัยกิตติศิลป์ ประธานกรรมการบริหาร บสย. กล่าวว่า ตามที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้ทำหน้าที่สำคัญในการสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้สถาบันการเงินเร่งปล่อยสินเชื่อแก่ SMEs มากขึ้น เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล บสย. จึงได้ออกผลิตภัณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อ 2 โครงการ วงเงินค้ำประกันรวม 1,200 ล้านบาท เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจฮาลาล และ SMEs ทั่วไป ที่มีศักยภาพที่ใช้บริการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ประกอบด้วย 1. โครงการ Portfolio Guarantee Scheme เพื่อผู้ประกอบธุรกิจฮาลาล (PGS : IBANK Halal Business) วงเงินค้ำประกันรวม 500 ล้านบาท และ 2.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme สำหรับโครงการสินเชื่อไอแบงก์ บิ๊กไฟว์ (PGS: IBANK Big Five) วงเงินค้ำประกันรวม 700 ล้านบาท
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ( MOU) โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme เพื่อผู้ประกอบธุรกิจฮาลาล และ โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme
สำหรับโครงการสินเชื่อไอแบงก์ บิ๊กไฟว์ ทั้ง 2 โครงการ นับเป็นโครงการที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจฮาลาล ในประเทศไทย รวมทั้งผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆที่มีศักยภาพแต่มีหลักประกันไม่เพียงพอให้ได้รับและเข้าถึงแหล่งสินเชื่อจากสถาบันการเงินในวงเงินที่สูงขึ้นด้วยการผ่อนปรนหลักเกณฑ์ และ วิธีปฏิบัติในการค้ำประกัน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในต่างประเทศได้ ทั้งภาคการผลิต การค้าและบริการ
“ ที่สำคัญโครงการดังกล่าวจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปี 2558 นี้ด้วย”นายธีรศักดิ์ กล่าว.