ชาวสวนยางปักหลังชุมนุมต่อจี้รัฐแก้ปัญหาราคาสองมาตฐาน

         สำนักข่าวอะลามี่ : ชาวสวนยาง ปักหลังชุมนุม เรียกร้องให้ อสย.ดำเนินการซื้อขายราคายางพาราให้มาตรฐานเดียว หลังมีส่วนต่างราคาสูงกว่า 4-5 บาท / กก.  ส่งผลให้ตลาดท้องถิ่นรับซื้อน้ำยางสด กระอัก ชาวสวนยางพาราเดือนดร้อนทุกหย่อมหญ้า

             นายวัน เผือกนุช เครือข่ายชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า โครงการเพื่อรักษาเสถียรภาพยางพารา จำนวน 15,000 ล้านบาท โดย อสย.  ได้ดำเนินการมา ยังไม่ทำให้ยางพาราขยับขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ โดยขึ้นมาอยู่ที่ 115 บาท แล้วขณะนี้ก็ขยับลงมาอยู่ที่ 110 บาท  ในขณะที่สำนักงานตลาดกลางยางพาราประมูลซื้ออยู่ที่ 106 บาท

              “ส่วนราคาที่สถาบันเกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนโครงการ 15,000 ล้านบาท   จะรับซื้อน้ำยางสดประมาณ 101 บาท / กก. แล้วนำไปขายให้กับ อสย.จะรับซื้อในราคา 110 บาท / กก. โดยราคา ณ วันที่ 28 พค.นี้  แต่ในส่วนพ่อค้าท้องถิ่น ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน  รับซื้อน้ำยางสดเพียง 95 – 96 บาท / กก.  แล้วพ่อค้าท้องถิ่นจะนำไปทำยางแผนรมควัน ราคาตลาดกลางประมูลอยู่ที่ 106 บาท / กก.  จะราคาจะแตกต่างกัน ระหว่างอยู่ที่  5-6 บาท / กก. จึงส่งผลกระทบต่อชาวสวนยางพาราโดยตรง”

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ในหลายพื้นที่ในจังหวัดพัทลุง  ขณะนี้ในการรับซื้อน้ำยางสดจากเจ้าของสวนยางพารา ในวันนี้ (29 พ.ค.)  ยังไม่มีการจ่ายเงินแต่อย่างใด    เพราะไม่สามารถตั้งค่ารับซื้น้ำยางสดได้   เนื่องจากตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ และนครศรีธรรมราช   หยุดทำการประมูลทั้งหมด   เนื่องจากมีการประท้วงจากเจ้าของสวนยางพารา  โรงรมท้องถิ่น และพ่อค้ารับน้ำยางสดท้องถิ่น   เพื่อให้รัฐบาลรับซื้อยาง  ประมูลยางในราคามาตรฐานเดียวกันทั้งหมด    ซึ่งขณะนี้จะไม่มีการสลายการประท้วงแต่อย่างใด 

               โดยได้รับการยืนยันจากบรรดาผู้ประท้วงว่าจะไม่สลายการประท้วงจนกว่าได้รับคำตอบตามข้อเสนอเนื่องจากขายยางพาราในตลาดต่ำกว่าสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นจึงได้มีการชุมนุมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อที่จะเรียกร้องให้องค์การสวนยางทุกแห่งมีการเสนอราคาประมูลให้กับเกษตรกรทั่วไปเท่ากับสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรฯ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลติดตามผลกระทบจากการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมไปถึงการให้รัฐบาลกำหนดแผนพัฒนาศักยภาพการผลิต การตลาด และอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งจะนำมาสู่ราคายางที่มีเสถียรภาพและยกระดับราคายางของชาวสวนยางให้สูงขึ้น ซึ่งจะมีการชุมนุมยืดเยื้อต่อไปหากไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว

             ด้าน นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เดินทางเข้าไปรับทราบปัญหาและมีการเจรจาตกลงกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยได้ประสานไปยัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง เพื่อเร่งหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งในเบื้องต้นทางผู้อำนวยการองค์การสวนยางจะเดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยตนเองในช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค. 55) เพื่อสร้างความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดัง

              นายอำนวย  พูนเนียม ประธานกลุ่มพัฒนาบ้านโล๊ะจังกระ ผู้รับซื้อน้ำยางและโรงรมยาง  อ.ตะโหมด จ.พัทลุง กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะยังคงปักหลักปิดตลาดกลางยางพาราสงขลาไปจนถึงเย็นวันที่ 30 พ.ค. 55 เพื่อที่จะรอเจรจากับผู้อำนวยการองค์การสวนยางอีกครั้ง หากไม่ได้รับคำยืนยันในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ชาวเกษตรกรสวนยางจากพื้นที่ จ.สงขลา พัทลุง สตูล ตรัง และ นครศรีธรรมราช จะเดินทางมารวมตัวกันที่ตลาดกลางยางพาราสงขลา เพื่อปิดถนนเรียกร้องให้มีการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป.