หอการค้าภูเก็ตชง5โครงการเข้ากรอ.ภูมิภาคเย็นนี้

           สำนักข่าวอะลามี่ : ประธานหอการค้าภูเก็ต ชง 5ประเด็นเสนอกรอ.ภุมิภาคเย็นนี้ พร้อมชง2โครงการหลักผ่านหอการค้าไทย "ขยายช่องทางจราจรตั้งแต่ชุมพร-พังงา กระบี่ ตรัง-สตูล หวังเป็น"ลิเบียร์ร่าอันดามัน"และจัดทำรถไฟรางคู่จากชุมพรลงไปจนถึงจังหวัดทางภาคใต้ตอนล่าง

             ผู้สื่อข่าวอะลามี่ ประจำภูเก็ต รายงาความความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเดินทางลงมาประชุม ครม.สัญจร ของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของภาคเอกชนภูเก็ต นพ.ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงข้อเสนอต่อรัฐบาลของภาคเอกชน จ.ภูเก็ต ในการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) ในช่วงเย็นวันนี้ (19 มี.ค.55) ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ว่า ทางหอการค้าจังหวัดภูเก็ต  ได้มีการนำเสนอความต้องการผ่านทาง กรอ.จังหวัดภูเก็ต ใน 5 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย

           1.ขอให้มีการนำขยะที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วไปถมพื้นที่บริเวณปลายแหลมสะพานหินเป็นสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำในทะเล ลดปริมาณขยะที่จะเข้าสู่เตาเผา และยังจะทำให้พื้นที่ในการทำอ่างเก็บน้ำ เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

            2. จัดระบบขนส่งมวลชนด้วยการจัดทำแอร์พอร์ตลิงค์ เส้นทางสนามบินภูเก็ต- ห้าแยกฉลอง และจัดให้มีรถโดยสารรับช่วงต่อระหว่างทาง 3. ผลักดันเส้นทางรถไฟจาก จ.สุราษฎร์ธานี มายัง บ้านท่านุ่น จ.พังงา

           4. ขอให้ผลักดันภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการค้าและการท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถบริหารงบประมาณด้านการจัดการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการได้เอง และ 5. การจัดสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการแข่งขันกีฬาในอนาคต

          " นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอโครงการในภาพรวมโดยผ่านหอการค้าไทย ใน 2 เรื่องหลัก  คือ การขยายช่องทางจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ตั้งแต่ชุมพรมายังจังหวัดพังงา กระบี่ ตรังและสตูล ซึ่งมีการดำเนินการไปบ้างแล้วแต่ช่วง แต่อยากให้ขยายเป็น 4 ช่องจราจรทั้งหมด เพื่อให้เป็นลิเบียร์ร่าอันดามัน สำหรับเป็นเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวในฝั่งอันดามัน และ การจัดทำรถไฟรางคู่จากชุมพรลงไปจนถึงจังหวัดทางภาคใต้ตอนล่าง "นพ.ศิริชัย กล่าว

            อย่างก็ตาม นพ.ศิริชัย กล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะมีการประชุมกรอ.ภูมิภาค ทาง   นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา จ.ภูเก็ต  ได้ประสานขอนำภาคเอกชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของ จ.ภูเก็ต เข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนก็จะนำโครงการดังกล่าวมอบให้กับทางนายกรัฐมนตรีด้วย แม้ว่าโครงการที่เสนอไปนั้นอาจจะไม่ได้รับการตอบสนองในทันที แต่อย่างน้อยก็จะได้รับทราบข้อมูลและความต้องการของภาคเอกชนในพื้นที่