เผยแรงงานไทยในอิสราเอลมากกว่า2.5หมื่นคน

         สำนักข่าวอะลามี่ : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยแรงงานที่ในอิสราเอล 4 คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งเกิดเหตุขณะที่คนงานนั่งล้อมงวงกินข้าว  เผยตัวเลขแรงงานไทยในอิสราเอลมีอยู่ราว 25,289 คน 

         นายเผดิมชัย  สะสมทรัพย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่แรงงานไทยได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย เนื่องจากจรวดระเบิดตกที่โมซาฟเอ็น ฮับซอร์ เมืองเอสโค เขตเบร์ เวา ทางตอนใต้ของประเทศอิสราเอล  ซึ่งห่างจากเขตฉนวนกาซ่าประมาณ 4 กิโลเมตรเมื่อคืนวันที่ 9 มีนาคม 2555 เวลาประมาณ 22.00 น.ที่ผ่านมา 

         โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่เป็นช่วงที่แรงงานไทยกำลังร่วมรับประทานอาหารกันอยู่และได้มีจรวดระเบิดมาตกลงห่างจากจุดรับประทานอาหารประมาณ 15 เมตร ทำให้สะเก็ดระเบิดกระจายโดนแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาล Sorokol ในเมืองเบร์ เชวา โดยแพทย์ได้ให้การรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บและอนุญาตให้กลับโมชาฟแล้วจำนวน 3 ราย  คงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง 1 ราย ประกอบด้วย

        นายมิ วงสุวรรณ อายุ 43 ปี แรงงานจากจังหวัดบุรีรัมย์  ทำงานกับนายจ้างชื่อโมเช่ โกเฮน ประกอบกิจการทำสวนส้ม โดยเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณท้อง แขนซ้ายและกรามข้างซ้าย ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกประมาณ 1 สัปดาห์  โดยทางฝ่ายประสานบริษัทจัดหางานอิสราเอลได้ให้การช่วยเหลือตามสิทธิและทางบริษัทประกันสุขภาพจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

        นายวิทยา มะโนสิน อายุ 39 ปี จากจังหวัดสกลนคร ทำงานกับนายจ้างชื่อโมเช่ นากา ประกอบกิจการปลูกผัก โดยเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2550 ถูกสะเก็ดระเบิด 1 แห่งที่ท้อง

        นายกฤษฎา โกสอน อายุ 24 ปี จากจังหวัดนครราชสีมา ทำงานกับนายจ้างชื่อคาร์ นามเมียร์  ประกอบกิจการเพาะกล้าผัก  โดยเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2549 ถูกระเบิด 1 แห่งที่หลัง และ

        นายนริศ ไชยยารัมย์ ทำงานกับนายจ้างชื่อชิมอน บารัคร์  ประกอบกิจการปลูกส้ม  โดยเดินทางไปทำงานที่  อิสราเอลเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2550 ถูกสิ่งของตกใส่ศีรษะขณะหลบสะเก็ดระเบิด

         นายเผดิมชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการไปยังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟแล้ว เพื่อให้เข้าไปดูแลแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิดทุกราย พร้อมติดตามสิทธิประโยชน์ที่แรงงานไทยควรจะได้รับจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย  โดยขณะนี้มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคการเกษตร โดยข้อมูล ณ วันที่ 12 มีนาคม 2555 มีอยู่ราว 25,289 คน

         สำหรับสิทธิประโยชน์กรณีบาดเจ็บหรือพิการจากเหตุการณ์การสงครามในประเทศอิสราเอลนั้น  จะถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม ซึ่งหน่วยงานประกันภัยแห่งชาติของอิสราเอล จะจ่ายค่าทดแทนโดยคำนวณตามเปอร์เซ็นต์ของการบาดเจ็บหรือสูญเสียอวัยวะ ประกอบกับอายุของผู้บาดเจ็บหรือพิการดังนี้ 0-10% จะไม่ได้รับค่าทดแทน นอกจากค่าจ้างในช่วงที่ทำงานไม่ได้เพราะบาดเจ็บ 10-19% จะได้รับเงินก้อนครั้งเดียวไม่เกิน 150,000 เชคเกล

        โดยคำนึงถึงอายุของผู้บาดเจ็บและพิการด้วย กล่าวคือ หากอายุน้อยจะได้รับมากกว่าผู้ที่มีอายุมาก ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ทางการอิสราเอล กำหนด (1 เชคเกลเท่ากับเงินไทยประมาณ 8.50 บาท)