ระบุผลสอบฆ่า4ศพปัตตานีทหารพรานยิงชาวบ้านบริสุทธ์
สำนักข่าวอะลามี่ : คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทหารพรานยิงใส่ชาวบ้านตาย4ศซพสอบปากคำ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา ซึ่งเป็นพยานสุดท้าย ชี้ทหารพรานยิงชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงาน คดีคืบหน้ากรณีที่เกิดเหตุการณ์ทหารพรานกองร้อย 4302 ใช้อาวุธปืนสงครามอาก้าและเอ็ม 16 ยิงใส่ระยนต์กระบะของชาวบ้าน ซึ่งเข้าใจว่าเป้นคนร้าย ริมทางขึ้นถนนสาย 418 ม.1 บ้านกาหยี ตำบลปุโล๊ะปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ทำให้มีชาวบ้านที่นั่งอยู่ในรถเสียชีวิต 4 คน และ บาดเจ็บสาหัสอีก 3 คน ขณะกำลังเดินทางไปทำบุญละหมาดศพ ชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว เมื่อวันที่ 29 มค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้ (10 มีนาคม) ที่โรงแรมซีเอสจังหวัดปัตตานี คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 14 คนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยมี นายแวดือราแม มะมิงจิ เป็นประธาน,นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าปัตตานี เป็นรองประธาน, นายกิตติ สุระคำแหง ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานยุติธรรม ศอ.บต เป็นเลขา และ นายอนุกูล อาแวปูเต๊ะ เป็นผู้ช่วยเลขา หลังจากที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555ที่ผ่านมาได้สอบปากคำ ผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิต 4 คน พยานแวดล้อม พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก, เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ก่อเหตุ และอื่นๆ
โดยวันนี้เป็นการสอบปากคำพยานกลุ่มสุดท้ายคือ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา ก่อนที่จะสรุปผลการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยมี ร.ต.อ.พิสิษฐ์ บัวแก้ว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปัตตานี เดินทางมาให้สอบปากคำกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ตามที่ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ สรุปได้ว่า จากการตรวจสอบไม่พบเขม่าดินปืนจากประชาชนผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิต.และไม่พบภายในรถ ส่วนคนที่เสียชีวิตไม่สามารถตรวจได้,
ส่วนอาวุธปืนอาก้า ที่พบในรถยนต์ของประชาชนนั้น ปรากฏว่า ไม่พบเขม่าดินปืนจากอาวุธปืนอาก้า ส่วนปลอกกระสุนปืนในพบในรถ 3 ปลอก ไม่ใช่เป็นปลอกกระสุนที่มาจากอาวุธปืนอาก้าที่อยู่ในรถ ส่วนอาวุธปืน 11 มม.นั้น มีร่องรอยการยิง แต่ไม่พบเขม่าดินปืน ส่วนปลอกกระสุน 11 มม.ที่พบในมือผู้ตาย เป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา ได้เบิกความอีกว่า สำหรับร่องรอยการยิง มีการยิงจากที่สูง และยิงเฉพาะด้านหน้าและด้านข้างซ้ายมือของคนนั่งข้าง และเป็นการยิงจากภายนอกเข้ามาในรถ ไม่มีสีจากในรถสู่ภายนอก นอกจากนั้น พบว่าพบกระดาษหมอนรองอาวุธปืนลูกซองบนศพผู้เสียชีวิต ส่วนอาวุธปืน 11 ม. ที่พบ มีทะเบียน คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกต่อไป แต่เบื้องต้นเชื่อว่าไม่ได้ยิงมาจากประชาชนที่อาศัยในรถ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา ได้อธิบายการตรวจสอบแล้ว มีการถกถึยงถึงที่มาที่ไปของอาวุธปืนลูกซองว่ามาจากไหน หรือเป็นชนวนนัดแรก ที่ยิงเข้าไปในรถ ทำให้ทหารพรานต้องกราดยิงซ้ำ ซึ่งการตรวจสอบอาวุธปืนลูกซองเป็นเรื่องยาก ซึ่งกลายเป็นข้องกังขาว่าใครใช้อาวุธปืนลูกซอง ซึ่งให้มีการตรวจสอบจากทหารและตำรวจ รวมถึงหน่วยงานที่เข้ามาที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นมีข้อสรุปแล้วน่าเชื่อว่า ทหารพราน เป็นคนยิงชาวบ้านที่บริสุทธิ์ ซึ่งจะมีการสรุปผลต่อไปภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรวบรวมส่งตามขั้นตอน ตามที่นัดหมายว่า จะดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน