Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   “อย่ายัดเยียดให้ชาวบ้านป็นโจร”

“อย่ายัดเยียดให้ชาวบ้านป็นโจร”

โดย : จันทร์เสี้ยว บางนรา

               สำนักข่าวอะลามี่: เหตุการณ์ ทหารพรานยิงชาวบ้านบาดเจ็บ5 ราย และเสียชีวิต 4 ราย ถนนสาย 418 ยะลา-ปัตตานี  ม.1 บ้านกาหยี ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา

              การตายของชาวบ้าน 4 ศพ ได้กลายเป็นชนวนความไม่ไว้วางใจของชาวบ้าน หลังจากที่ทหารในพื้นที่ ตั้งแต่  ผบ.กองร้อยทหาราพราน กองโฆษก กอ.มน.ส่วนหน้า “ พล.ต.อัคร ทิพยืโรจน์”  ไม่เว้นแม้แต่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงอย่าง “ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ” ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง แสดงท่าทีขึงขัง และแข็งกร้าวว่า คนที่ตายไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา

            เสียงกร้าวของทหารทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มีความมั่นใจว่า ทำไม....ทหาร...จึงพยายามที่จะยัดเยียด ให้ชาวบ้านเป็นโจร ทั้งๆที่ไม่ได้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน

         เท่าที่ตรวจสอบเบื้องลึกทราบว่า...เรื่องนี้มีการสอดใส้ และปั้นเรื่องตั้งแต่ระดับปฎิบัติการ หลังรู้ว่าพลาด ก็พยายามโบ้ยความผิดด้วยการโยงว่า ...ชาวบ้านเป็นโจรใต้ หรือแนวร่วมโจรใต้

            ระยะเวลานับตั้งแต่เกิดเหตุตั้งแต่ 2 ทุ่มเศษๆของวันที่ 29 มกราคม 2555  ยันเช้าอีกวัน กว่า10 ชั่วโมงที่เรื่องนี้ถูกจัดฉากว่า ...ชาวบ้านเป็นโจร ...ด้วยกระบวนการตอบโต้ผ่านสื่อของทหาร

            ความจริงเรื่องนี้น่าจะปิดเกม....และเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการ....แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะ เหยื่อบางส่วนยังรอดชีวิต

            ทำให้เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มคุมเกมไม่ได้.....

            ชาวบ้านหลังรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงมีความพยายามก่อหวอดประท้วงการกระทำของเจ้าหน้าที่ ด้วยการแห่ศพ แต่โชคดีที่มีการเจรจาทางลับกับมวลชนและผู้นำศาสนา จนทำให้เรื่องนี้ สงบลงได้ในระดับหนึ่ง

            แต่ครั้งเสียงที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อโทรทัศน์ ของระดับผู้บังคับบัญชา และทหารในพื้นที่ ที่ตอกย้ำว่า ชาวบ้าน ที่ตายไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา  และดูเหมือนว่า จะพยายามยัดเยียดให้ชาวบ้านโจร ทำให้แรงกระเพื่อมและความไม่พอใจของชาวบ้าน เริ่มประทุกอีกครั้ง

                เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึง...”ความจริงใจ”

                ขณะที่รัฐบาลและหลายฝ่ายกำลังเรียกร้องให้ การแก้ปัญหาในชายแดนใต้ ต้องยอมรับความจริง และให้ใช้ความจริงใจ... แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนอะไรบางอย่าง ที่มีคำตอบในตัวมันเอง..โดยที่ไม่ต้องอธิบาย

                เราในฐานะคนทำสื่อ.... ตั้งข้อสังเกตต่อกรณีดังกล่าว โดยอยากเรียกร้องให้ ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับ รองนายกรัฐมนตรี แม่ทัพภาคที่ 4  ตลอดจน ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่  ต้องมีความชัดเจน และต้องเดินในทางเดียวกัน  แต่ไม่ใช่ออกมาปกป้องคนของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและความยุติธรรม

                ประการที่สอง หากเรื่องนี้มีความผิดพลาด ผู้บังคับบัญชา ต้องไม่ปกป้องและตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถึงความผิด และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

                ประการที่สาม ต้องสอบสวนว่า อาวุธปืนที่ทหารอ้างว่าเป็นของชาวบ้าน แต่เมื่อชาวบ้านอ้างว่าไม่ใช่ของผู้ตายไฉนอาวุธปืนจึงไปอยู่กับชาวบ้าน....และ อาวุธปืนนั้นไปอยู่กับชาวบ้านได้อย่างไร

                ประการที่สี่  เรื่องนี้รัฐต้องไม่มองข้ามและเพียงใช้คำว่า..”เยียวยา” หรือใช้เงินฟาดหัว เพื่อหวังให้จบไปวันๆ เพราะแม้ว่าเรื่องนี้จบ แต่หากไม่สามารถสร้างความเป็นธรรมได้....ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ให้เกิดความเคียดแค้นไม่รู้จบ จนกลายเป็นอีกชนวนสู่การขัดแย้งรอบใหม่ได้

               และเรื่องสุดท้าย พล .อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง ต้องกล่าวขอโทษกับผู้ตายและบรรดาญาติของผู้ตาย ที่กล่าวให้สัมภาษณ์ใส่ร้ายป้ายสีคนตายว่า....มีส่วนเกี่ยวพันกับโจรใต้”

            “......ส่วนที่มีชาวบ้านแย้งว่า รถกระบะคันดังกล่าว กำลังขนชาวบ้านไปทำพิธีทางศาสนา นั่นคือข้ออ้าง ถ้าจะไปทำพิธีกรรมแล้วทำไมถึงมีอาวุธอยู่ในรถ ถ้าประชาชนที่จะไปทำละหมาด ก็ไม่ควรมีอาวุธสงครามมากขนาดนั้น และไม่จำเป็นที่จะต้องหนีจนกระทั่งตกถนน ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จากการที่ฐานทหารพรานถูกถล่มยิงด้วยเอ็ม 79 ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ และไม่เชื่อว่าเป็นชาวบ้าน เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยทหารพรานถูกยิง ....."  พล.อ.ยุทธศักดิ์  กล่าวให้สัมภาษณ์ (http://web.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=311770) ซึ่งเป็นเวปไซด์ของรัฐบาล

            กรณีที่เกิดขึ้น ได้ปั่นทอนความเชื่อของคนในพื้นที่ ได้ปั่นทอนความจริงใจของเจ้าหน้าที่หลายคนที่พยายามแก้ปัญหาชายแดนใต้

             เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงวิธีคิดและจิตสำนึกของผู้บริหารประเทศ ว่า จะสามารถสร้างความถูกต้อง ความยุติธรรม ให้เกิดขึ้นได้หรือไม่

            ทั้งหมดขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้บริหารและผู้บังคับบัญชาครับ