คดียิง4ศพปัตตานีป่วน"รัฐ-ชาวบ้าน"โต้กันวุ่น
สำนักข่าวอะลามี่ : เหตุการณ์ทหารพรานที่43ยิงรถชาวบ้านส่อเค้าวุ่นหนัก หลังจากถูกยิงทหารอ้างมีอาวุธครบมือ ขณะที่นชรองนายกรัฐมนตรีประสานเสียงยันไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ขณะที่ชาวบ้านที่รอดชีวิตบอกอาวุธปืนไม่ใช่ของผู้ตาย ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เชื่อผู้ตายไม่น่าเกี่ยวข้องเหตุการณ์ป่วนใต้ จี้ขอควาเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 29 มค. 55 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ชนวีร์ ชมาฤกษ์ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงปะทะกันขึ้นบริเวณถนนสาย 418 ยะลา-ปัตตานี ม.1 บ้านกาหยี ต.ปุโละปุโย จึงรีบนำกำลังเข้าไปที่เกิดเหตุ ไปถึงพบเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด กรมทหารพรานที่ 43 จำนวน 6 นาย กำลังยืนคุมบริเวณที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบอร์น ทะเบียน บท 3105 ปัตตานี จอดติดเครื่องอยู่และมีรูกระสุนพรุนทั้งคัน
ตรวจสอบในรถมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย จึงได้รีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ปัตตานี ซึ่งผู้บาดเจ็บประกอบด้วย นายยา ดือราแม อายุ 55 ปี คนขับรถ นายมะแอ ดอเลาะ อายุ 76 ปี นายซอบรี บือราเฮง อายุ 19 ปี ดช.มะรูดิง แวกะจิ อายุ 15 ปี และ ด.ช.อับดุลเลาะ หนิ อายุ 14 ปี
ส่วนผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ภายในรถประกอบด้วย นายอิสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี นายสาหะ สะแม อายุ 70 ปี และอีก 2 ศพ อยู่กระบะหลังประกอบด้วย นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี และ นายหามะ สะนิ อายุ 65 ปี จากการตรวจสอบภายในรถพบอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอกอยู่ภายในรถ และ อาวุธปืนขนาด .45 อยู่กระบะหลังรถ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพราน กำลังเดินทางเพื่อเข้าไปตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงถล่มใส่ฐานปฏิบัติการณ์ทหารพราน ซึ่งตั้งอยู่ ม.3 บ้านน้ำดำ ต.ปุโละปูโย ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ปรากฏว่าระหว่างทางได้พบรถยนต์ต้องสงสัยขับผ่านมา จึงได้เรียกให้จอดเพื่อตรวจสอบกระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจึงเข้าใจว่าถูกโจมตี เจ้าหน้าที่จึงยิงสวนทันทีหลายสิบนัด เมื่อเสียงปืนสงบ นายยา ซึ่งเป็นคนขับรถได้ฉวยจังหวะวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เมื่อเข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าวปรากกฎว่า มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาพยานหลักฐาน พร้อมได้นำอาวุธปืนที่พบ จำนวน 2 กระบอก นำไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ต่อไป ส่วน นายยา คนขับรถ ที่รอดชีวิตได้เข้าไปให้หมอตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหนองจิก
พร้อมทั้งได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า พวกตนเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ม.4ต.ปุโละปุโย กำลังเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฝังศพภายในหมู่บ้านค้างเขียง แต่ระหว่างทางกลับมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนตกใจมาก จึงต้องรีบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดก่อน ส่วนปืนทั้ง 2กระบอก ตนขอยืนยันว่า ไม่ใช่ของพวกตนแน่นอน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ญาติผู้เสียชีวิตต่างก็ไม่คาดคิดว่า จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ และไม่เชื่อว่าญาติของตนทั้งหมดจะเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากว่า ในรถที่มาด้วยนั้นมีทั้งเด็กและผู้สูงอายุทั้งนั้นจึงอยากขอร้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ชนวีร์ ชมาฤกษ์ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงถึงรายละเอียดเหตุการณ์ เพราะต้องรอผลการตรวจสอบโดยเฉพาะอาวุธปืนที่อยู่ภายในรถว่าเป็นของใครมาจากไหนใครใช้ก่อเหตุ และตนจะเรียกสอบทั้งทหารและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวด้วยซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่า
ชาวบ้านร่วมงานฝั่งศพไม่เชื่อโยงป่วนใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ม.ค.55 ที่มัสยิดบ้านตันหยงบูโล๊ะ ต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก ญาติได้นำเอาร่างของผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายอิสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี นายสาหะ สะแม อายุ 70 ปี นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี และ นายหามะ สะนิ อายุ 65 ปี มาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม
โดยมีประชานชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมละหมาดให้กับศพผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะช่วยกันแบกร่างของผู้เสียชีวิต ทั้ง4ไปฝังยังกุโบร์บ้านตันหยงบูโล๊ โดยมีชาวบ้านร่วมเดินไปยังกุโบร์กันเป็นจำนวนมาก
โดยชาวบ้านที่เข้ามาร่วมงานต่างอยู่ในอาการที่โศกเศร้าและเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้เสียชีวิตทั้ง4รายเป็นคนในพื้นที่และเป็นที่รักของชาวบ้าน ทำให้หลายคนยังไม่อยากอยากเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น
โดยชาวบ้านที่เข้าร่วมพิธีต่างเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์และอยากให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเร่งด่วน
รองนายกฯยันไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาผู้ตายมีอาวุธเพียบ
วันเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า เหตุการณ์การณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการยิงใส่ประชาชน ซึ่งจากรายงานเบื้องต้นทราบว่า เหตุเกิดหลังคนร้ายใช้ปืน M79 ยิงถล่มฐาน ทางทหารจึงทำการติดตามรถต้องสงสัยซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ มีอาวุธปืน M79 และรถกระบะ
เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถกระบะเสียหลักตกลงข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมตรวจค้น พบผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บหลายคน นอกจากนี้ยังพบอาวุธเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่มีการยิงใส่ฐานทหารพรานหรือไม่ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่ผู้ต้องสงสัยอ้างว่า กำลังเดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนานั้นเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะในรถมีอาวุธจำนวนมากประกอบกับผู้ต้องสงสัยเป็นชายฉกรรจ์ จึงไม่น่าจะเป็นไปตามข้ออ้างได้
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และหลังจากนี้จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่ภาคใต้ด้วย