ตอน : ซาอุดิอารเบีย เชิญสื่อไทยร่วมสื่อโลกสังเกตุการณ์การบริหารจัดการ"ฮัจญ์" 2554
โดย : ดลหมาน ผ่องมะหึง รายงานสด จากกรุงไคโร ประเทศอิยิปต์
สำนักข่าวอะลามี่: วันนี้นับเป็นข่าวดีอีกวาระหนึ่งของสังคมไทย หากย้อนไปอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2532 เกิดเรื่องราวใหญ่โตสร้างความไม่ไว้วางในในระดับประเทศกันเลยทีเดียว คือ เรื่องขโมยเครื่องเพชรของราชวงศ์ไฟซอล แห่งซาอุดิอาระเบีย ผลพลอยของเรื่องนี้เป็นที่รู้ดีของคนในระดับต่างๆ
โดยเฉพาะราชการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องไปปักหลักถิ่นฐานอยู่ในประเทศแห่งนี้ หลายครั้งที่ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆของการไปประจำการและการถูกวางให้อยู่ในกรอบเท่าที่ๆคนของเราไปสร้างสิ่งไม่ดีเอาไว้กับประเทศของเขา
ณ วันนี้เป็นวันดีที่ได้รับข่าวจาก อาจารย์สมาน งามโขนง ผู้อำนวยการผลิตรายการ มุสลิมไทม์ ทาง ททบ.5 ได้ส่งเรื่องราวมาเล่าให้ฟังในการที่ได้เป็นตัวแทนสื่อไทยใปร่วมในครังนี้ ผมจึงถือโอกาสนี้ เอาความรู้สึกดีๆ ที่ ประเทศซาอุฯ ได้เปิดโอกาสให้สื่อไทยที่เป็นมุสลิมได้มีส่วนร่วมไปสังเกตการณ์การบริหารจัดการพิธีการทำฮัจญ์ ปี 2554 นี้ว่า ประเทศซาอุดิอารเบีย ได้ให้เกียรติกับประเทศไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรมและข่าวสารของประเทศซาอุดิอารเบีย ได้เชิญผู้แทนสื่อมวลชนไทย เข้าร่วมสังเกตการณ์การบริหารจัดการ"ฮัจญ์" 2554 ณ ประเทศซาอุดิอารเบียร่วมกับสื่อทั่วโลก
ในปีนี้มีผู้ผู้ร่วมแสวงบุญในพิธีฮัจญ์ถึง 3,190,000 คน มีคนไทยเข้าร่วมการประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้จำนวน 12,000 คน โดยการนำของ ดร.อิสมาแอล อาลี (อะมีรุ้ลฮัจญ์) ซึ่งก็ได้รับกาดูแลเป็นอย่างดี
การร่วมกิจกรรมของสื่อจากประเทศไทยและสื่อจากทั่วโลกได้ไปชมอาคารผลิตอัล-กุรอาน ที่นครมาดีนะห์ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งผลิตอัลกุร-อาน ที่แปลเป็นภาษาต่างๆทั่วโลก ร่วมถึงภาษาไทยด้วย โดยการผลิตอัลกุรอาน เพื่อแจกจ่ายให้กับประเทศต่างๆและผู้แสวงบุญจากทั่วโลกปีละกว่า 10 ล้านเล่ม
การประกอบพิธีฮัจญ์ มีผู้คนจำนวนมาก จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยทางการของประเทศซาอุดิอารเบีย ได้ตั้งกล้องวงจรปิดในมักกะห์ ถึง 2,800 ตัว เพื่อเป็นการสังเกตุการณ์ต่างๆ โดยใน มัสยิดฮะรอม มีถึง757 ตัว ในบริเวณที่ผู้คนไปกระทำการขว้างเสาหินที่มีนา มีถึง 500 ตัว ที่เหลือจะติดตั้งที่อารอฟะห์ และมุสตะลีฟะห์ จัดกำลังไว้บริการและดูแลที่มีนาถึง 50,000 คน โดยแยกย่อยออกเป็นสถานที่สำหรับให้บริการ 46 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีเจ้าหน้าที่ กว่า 1,000 นาย
ในปีนี้เราจะไม่ได้ยินข่าวเรื่องการเหยียบกันจนเสียชีวิตของผู้แสวงบุญที่ประกอบการขว้างเสาหินที่มีนา เพราะทางการประเทศซาอุดิอารเบีย ได้จัดขยายเขาหินให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก และจัดระเบียบการสัญจรเป็นทางเดียว และจัดแยกมีทางขึ้นถึง 4 ชั้น ซึ่งทำให้สะดวกกับผู้แสวงบุญเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ทางการประเทศซาอุดิอารเบีย ได้จัดรถไฟฟ้าสำหรับบริการกับผู้แสวางบุญ จากอารอฟะห์ (จุดเริ่มต้นของการทำฮัจญ์) มุซตะลีฟะห์(จุดที่ สอง) และมีนา (จุดที่สาม) ส่วนที่มีนาเอง มีรถไฟฟ้าบริการมาจนถึงสถานีที่ 3(สถานียุมรอจ) ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้เสาหินมากที่สุด
(สมาน งามโขนง ผู้อำนวยการผลิตรายการ มุสลิมไทม์)
การเดินทางไปของสื่อจากประเทศไทยในปีนี้ ได้มีโอกาศเข้าพบกับท่าน ดร.อับดุลอาซิซ บินมุฮัยดิน โคจา รมต.กระทรวงวัฒนธรรมและข่าวสาร ทั้งที่ อารอฟะห์ และมีนา ทางโดยกระทรวงวัฒนธรรมและข่าวสาร ได้จัดสถานที่คืออาคารสูงแห่งเดียวที่อารอฟะห์ ให้สื่อมวลชนจากประเทศไทยและประเทศต่างๆได้มีโอกาสขึ้นไปบันทึกภาพ ที่มีผู้คนเป็นจำนวนเรือนล้าน ณ สถานที่แห่งนี้ ….และอาคารนี้ก็ใช้สำหรับแพร่ภาพออกอากาศไปทั่วโลกเช่นเดียวกัน
สำหรับการไปในครั้งนี้ถือว่าประเทศซาอุดิอารเบีย ได้ให้เกียรติกับผู้แทนของสื่อมวลชนไทยเป็นอย่างมาก เพราะได้คัดเลือกผู้แทนของสื่อมวลชนไทย เป็นผู้แทนของสื่อมวลชนทั่วโลกเข้าเฝ้า มกุฏราชกุมาร นาอีฟ บินอับดุลอาซิซ อัลซาอุด นับว่าเป็นการให้เกียรติกับประเทศอีกด้วย
การเดินทางในครั้งนี้ถือว่าสื่อมวลชนน่าจะเป็นผู้ที่มีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอีกทางหนึ่งสำหรับประเทศทั้งสอง ความสัมพันธ์ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนข่าวสารประเพณีและวัฒนธรรมที่ดี ซึ่งมีสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศเป็นตัวประสานกันน่าจะเป็นส่วนที่รัฐบาลเองเล็งถึงความสำคัญและให้การสนับสนุนมากขึ้น และหวังว่าความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศจะดีขึ้นเป็นลำดับ
ผมก็รู้สึกยินดีและมีความสุข ทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องของการสมานแผลและค่อยๆกลายเป็นสมานฉันท์ในทุกเรื่อง ขอขอบคุณข้อความและข้อมูลดีๆที่ทยอยส่งกันมาให้ผมได้นำมาเล่าต่อให้สังคมได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของสังคมและเรื่องราวต่างๆเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมเราต่อไปครับ