มะลิพรรล บิลหร่อหีม :นักกฎหมายมุสลิมแถวหน้า
สำนักข่าวอะลามี่: อาชีพนักกฎหมาย นับเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมของหลายคน แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมรับว่าตัวประสบความสำเร็จในเส้นทางวิชาชีพนี้
“มะลิพรรล บิลหร่อหีม” คืออีกคนหนึ่งที่เดินบนนถนสายนี้ ปัจจุบันเขานั่งเป็นผู้บริหาร 2 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เอกพัฒน์การปรึกษา จำกัด และ บริษัท พรรลศักดิ์ ลอว์ คอลซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านกฎหมายและการบัญชี
มะลิพรรล เล่าถึงเส้นทางบนถนนสายกฎหมายว่า หลังจบคณะนิติศาสตร์ และเนติบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เป็นทนายฝึกหัดกับสำนักงานกฎหมายของคุณสุธรรม แสงประทุม อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เขาเดินโลดแล่นบนถนนวิชาชีพนี้อย่างภาคภูมิใจ
“ ในสมัยที่เริ่มทำงานกับสำนักงานกฎหมายคุณสุธรรม ผมได้มีโอกาสเป็นทนายให้กับคนดังหลายคนอาทิเช่น คุณหมอเหวง โตจิราการ เกี่ยวกับคดีแพ่งและอาญา ซึ่งเป็นเรื่องธุรกิจส่วนตัวของคุณหมอเหวง และคุณสุรชัย สมบัติเจริญ ในเรื่องคดีอาญาเรื่องหนึ่ง” มะลิพรรล กล่าวและว่า
นอกจากนี้เคยเป็นทนายความร่วมกับคุณวัชระ แสงประทุม น้องชายคุณสุธรรม โดยมีลูกความพิธีกรและนักการเมืองคนดังในสมัยนั้นคือ “จักรพันธ์ ยมจินดา” ที่ถูกฟ้องคดีหมิ่นประมาท
ถัดจากนั้นในปี 45 มะลิพรรล ได้ออกมาตั้งบริษัทเป็นของตนเองชื่อ บริษัท เอกพัฒน์การปรึกษา จำกัด โดยเปิดดำเนินธุรกิจบริการด้านกฎหมายและทำบัญชี ควบคู่ไปด้วย
“บริษัทของเราได้ทำคดีสำคัญและเป็นคดีเป็นที่สนใจระดับชาติ นั่นคือเมื่อปี 2549 เรารับคดีหนึ่ง ซึ่งลูกความ เป็นข้าราชการระดับสูงชในกรมเจ้าท่าขณะนั้น ถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการปฎิบัติหน้าที่ ในคดีทุจริตเรือขุดเฮอร์ริคอต หลังทำคดีนี้มานานร่วม2ปี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง ” มะลิพรรล กล่าวและว่า
และด้วยปัจจัยจากการทำคดีข้างต้น ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ให้รับผิดชอบทำคดีสำคัญระดับชาติอีกคดีหนึ่ง คือ คดีโครงการรับเหมารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ โดยเมื่อปี 2550 ลูกความซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างโครงการรถฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ถูก ปปช.ตั้งข้อกล่าวหาว่า การทุจริตในโครงการ หลังรับทำคดีนี้ จนนำไปสู่กระบวนการไต่สวน ยื่นคำขอแก้ข้อกล่าวหาต่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ผลจากการต่อสู่คดีปรากฎว่า ปปช. สั่งไม่มีมูลในความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว
“ทั้งสองคดีนับเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทฯเนื่องจากเป็นคดีระดับชาติที่ผู้คนสนใจ จนทำให้ผู้ใหญ่ไว้วางใจให้บริษัทของเราได้รับงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”มะลิพรรล กล่าวและว่า
สำหรับบริษัททั้ง 2แห่ง ที่ตนเป็นผู้บริหารอยู่นั้น ไม่เพียงแต่ทำงานด้านกฎหมายเท่านั้น แต่ ยังดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านการบัญชี วางแผนการบัญชีและตรวจสอบบัญชี ให้กับบริษัท อาทิเช่น บริษัทการบินไทย จำกัด บริษัท แมงป่อง บางจาก ลีโอกรุ๊ป สามมิตร และอีกหลายบริษัท ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับบริษัท เอเอ็มที ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการบัญชี ระดับแนวหน้าของประเทศอีกด้วย
มะลิพรรล ไม่ได้มุ่งแต่เป็นทนายที่เดินขึ้น-ลงศาลเท่านั้น แต่เขายังผ่านการอบรมและได้รับประกาศนียบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าต่างประเทศ ให้เป็นผู้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนในการจดสิทธ์บัตร ทรัพย์สินทางปัญญา นับเป็นอีกช่องทางธุรกิจ ที่ทำให้บริษัทฯของเขาได้รับความไว้วางใจ โดยลูกค้ามีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย
นอกจากจะทำงานด้านกฎหมายแล้ว มะลิพรรล ยังสนใจงานด้านการเมือง โดยได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการการปกครองรัฐสภา ในยุครับบาลทักษิณ และที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการกระทรวงอุตสาหกรรม ในยุคของ รัฐมนตรีชัยวุฒิ บรรณวัตร อีกด้วย
ทนายมะลิพรรล บอกว่า จากประสบการณ์เดินบนถนนสายวิชาชีพกฎหมายร่วม15 ปี ยอมรับว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญมาจากการได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ที่ให้โอกาส เนื่องจากท่านผู้ใหญ่ คงจะมั่นใจในฝีมือการทำงาน จนทำให้คดีสำคัญหลายเรื่องประสบความสำเร็จ
“การว่าความให้กับลูกความที่ผมรับผิดชอบ คดีส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนว่าความให้กับลูกความด้วยตนเอง เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกความ เพราะผลทางคดีแม้จะไม่มีผลโดยตรงกับทนายความ แต่ผลคดี ที่ออกมาเป็นการการันตีและเป็นการสร้างชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับบริษัท ดังนั้นคดีที่เข้ามา ผมจะเป็นผู้ว่าความด้วยตนเองเกือบทั้งหมด”
เขาบอกว่า การเป็นนักกฎหมายไม่ใช่แม่นเฉพาะตัวบทกฎหมายเท่านั้น แต่นักกฎหมายที่ดี จะต้องเป็นนักอ่านที่ดีด้วย และรู้จักการใช้ภาษา การใช้คำในการแต่งสำนวน เพื่อให้สำนวนอ่านแล้วเข้าใจง่าย ดังนั้นยามใดที่เขาว่างจากการงาน การอ่านหนังสือจึงเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตอีกเรื่องหนึ่ง
“บางครั้งคนเก่ง มีฝีมือ หากไม่ได้รับโอกาส ก็ไม่สามารถแสดงฝีมือ และไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ ดังนั้นการจะประสบความสำเร็จได้ตั้งมีทั้งโอกาส และมีฝีมือพร้อมๆกันไปด้วย จึงจะไปได้ไกล”
เมื่อถามว่า สนใจด้านการเมืองหรือไม่ มะลิพรรล บอกว่า เป็นเรื่องที่สนใจตั้งแต่เรียนในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งมีโอกาสทำงานในคณะกรรมาธิการด้านต่างๆ ทำให้เราเรียนรู้ เรื่องการเมืองได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนอนาคตก็อยู่ที่ว่าผู้ใหญ่จะให้โอกาสอย่างไร แค่ไหน แต่ส่วนตัวมั่นใจว่า มีความพร้อม และพร้อมที่จะทำงานเต็มที่
“แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องวิชาชีพกฎหมาย เป็นวิชาที่เรามีอยู่ ก็จะไม่ละทิ้ง ในอนาคตหากมีโอกาสคิดอยู่เสมอว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนที่เข้าถึงกฎหมายได้น้อย ได้มีโอกาสเข้าถึงด้านกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน”
จากประสบการณ์บนถนนวิชาชีพนักกฎหมายของ ”มะลิพรรล บิลหร่อหีม” ร่วม15 ปี นับเป็นนักกฎหมายมุสลิมที่ประสบความสำเร็จ ที่กล้ายืนยันได้ว่า เป็นนักกฎหมายมุสลิมระดับแถวหน้าของสังคมไทยอีกคนหนึ่ง ที่หาตัวจับยากทีเดียว
และจากนี้ไปคงต้องจับตาว่า อนาคตของ ”ทนายมะลิพรรล” จะก้าวไปสู่ดั่งฝันได้มากน้อยแค่ไหน