ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ แจ้งความถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ-ทหารเรือบุกรุกที่
สำนักข่าวอะลามี่ : ชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ5คน เข้าแจ้งความตำรวจสตูล หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยระบุว่าที่ดินทำกินที่ตกทอดจากบรรพบุรุษถูกเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา และ ทหารเรือกองทัพเรือภาคที่3 บุกรุก
(ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต)
วานนี้( 8 ธ.ค. 2554) ชาวเล ซึ่งเป็นชาวพื้นเมือง จากบ้านเกาะหลีเป๊ะ ม.7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล รวม 5 คน นำโดย นายสิหยิม หาญทะเล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 ม.7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ธีรเดช รัตนวิจิตร ร้อยเวร สภ.เมืองสตูล จ.สตูล ว่าก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มี เจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา และ ทหารเรือกองทัพเรือภาคที่ 3 ได้เข้าไปรื้อถอนอาสินของชาวบ้าน ประกอบด้วยที่อยู่อาศัย ต้นไม้เช่นต้นมะพร้าว ต้นกล้วย ที่ชาวบ้านปลูกไว้ในบริเวณแปลงที่ดินที่มี สค.1 พร้อมทั้งรื้อรั้วที่ชาวบ้านทำไว้กั้นเขตแดน
โดยที่ดินดังกล่าวนี้ตั้งอยู่บนเกาะหลีเป๊ะ ทั้งนี้ทางอุทยานฯอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นของอุทยานฯ ที่มอบให้ทหารใช้ประโยชน์ ในทางราชการ ชาวบ้านเห็นว่าการกระทำของ เจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านหรือยังไม่ได้พิสูจน์เอกสารสิทธิ์หรือสิทธิ การครอบครองว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของใครกันแน่ระหว่างชาวบ้านกับอุทยานฯหรือกับทหารเรือ
ดังนั้นจึงขอแจ้งความเป็นหลักฐานและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ที่บุกรุกที่ของชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์ โดยที่ของชาวบ้านที่ถูกบุกรุกมีทั้งหมด 5 ราย จึงแจ้งความพนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
นายสิหยิม หาญทะเล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวพวกตนครอบครองมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยมีเอกสารสิทธิ สค.1 พอหลังจากเกิดคลื่น สึนามิ ทหารเรือจากกองทัพเรือภาคที่3 ได้ขอใช้ที่ดินของตนเองและเพื่อนบ้าน ชั่วคราว เพื่อประโยชน์ทางราชการ พวกตนจึงยินยอมให้ใช้ และทางทหารมีการกั้นอาณาเขตบริเวณดังกล่าว ต่อมาทางอุทยานฯตะรุเตา ได้อ้างกับชาวบ้านว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตพื้นที่ของอุทยานฯตะรุเตา และจะยกให้ทหารใช้ประโยชน์ 40 ไร่
กระทั่งฝ่ายทหารและฝ่ายอุทยานฯได้มีการทำลายทรัพย์สินชาวบ้านตามรายละเอียดข้างต้น ซึ่งเป็นการกระทำโดยพละการ ยังไม่มีการพิสูจน์กันในชั้นศาลว่าเป็นที่ของใคร
ทั้งนี้ทางอุทยานฯอ้างว่าเป็นป่าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตั้งขึ้นมาตั้งปี 2536 ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ สค.1 มาตั้งแต่ปี 2490 ได้มีการทำที่อยู่อาศัย และทำกินตลอดมา ตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ทางทหารเรือ และอุทยานฯบอกชาวบ้านว่า จะทำรั้วกั้นเขตเพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งตัดน้ำ ตัดไฟ ไม่ให้ชาวบ้านได้ใช้
ดังนั้นจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว นอกจากนี้ระหว่างการดำเนินคดีนั้น อยากจะขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องจากส่วนกลางเข้ามาดูแลความปลอดภัยชาวบ้านจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วศาลจะตัดสินอย่างไรชาวบ้านพร้อมน้อมรับคำสั่งศาล