Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   Aladin Sushi : Muslim Japanese Food สู่ทศวรรษที่สอง ตำนานอาหารญี่ปุ่นฮาลาลเมืองไทย

Aladin Sushi : Muslim Japanese Food

สู่ทศวรรษที่สอง ตำนานอาหารญี่ปุ่นฮาลาลเมืองไทย

             สำนักข่าวอะลามี่  : Aladin Sushi & Cafe (อลาดิน ซูชิ แอนด์ คาเฟ่) ร้านอาหารญี่ปุ่นฮาลาลในตำนานของมุสลิม นับเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นฮาลาลยุคแรกๆ ของเมืองไทย ที่เปิดให้บริการร่วม 20 ปี


             หากจะเอ่ยถึง ร้านอลาดิน ในอดีตผู้คนจำนวนมากจะจดจำได้ดีว่า เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นฮาลาลขึ้นชื่อของกรุงเทพฯ แม้ว่าจะผ่านกาลเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วม 20 แล้ว แต่วันนี้Aladin Sushi & Café ” (อลาดิน ซูชิ แอนด์ คาเฟ่)  ยังคงรักษามาตรฐาน และแบรนด์ อลาดิน ท่ามกลางการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือดมากขึ้น

            สุมนา (นูรุ้ลอีน) มีสุวรรณ หรือ น้องนู ผู้บริหารและเจ้าของร้านอาหาร Aladin Sushi & Cafe ทายาทคนสุดท้องหนึ่งในครอบครัวของตระกูล มีสุวรรณ ที่ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นหนึ่งตระกูลแถวหน้าของสังคมมุสลิมกรุงเทพฯ

 จุดเริ่มต้น ตำนานร้านอาลาดิน

              น้องนู เล่าถึงตำนานร้านอาหารอลาดิน ซูชิ แอนด์ คาเฟ่ (Aladin Sushi & Cafe) ก่อนจะมาถึงวันนี้ว่า ร้านอลาดิน ซูชิแอนด์ คาเฟ่ เริ่มต้นจากพี่ชาย กิตติพัฒน์ มีสุวรรณ ร่วมลงทุนกับเพื่อน เป็นร้านห้องแถวเล็กๆ ย่านถนนพระรามเก้า เมื่อประมาณปี 2546 หรือเกือบจะ 20 ปีที่ผ่านมา

               ด้วยพี่ชายเป็นคนชอบกินอาหาร โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น จึงอยากให้คนไทยได้กินอาหารญี่ปุ่นฮาลาล พี่ชายเปิดร้านอยู่ประมาณ 2 ปี ด้วยเหตุผลส่วนตัวประกอบกับไม่มีเวลาดูแลร้าน จึงอยากเลิกกิจการ แต่ “ คุณพ่อสมศักดิ์ (ยามาลุดดีน) มีสุวรรณ” เห็นว่า เป็นธุรกิจที่น่าสนใจและอยากจะรักษาร้านเอาไว้ จึงได้ย้ายร้านอลาดิน มาเปิดในซอยประชาอุทิศ 23 หรือที่คนรู้จักในย่านเหม่งจ๋าย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

              น้องนู บอกว่า เหตุผลการย้ายร้านจากที่เดิม เพราะคุณพ่ออยากให้มาเปิดร้านแถวบ้าน ประกอบกับที่ดินเป็นของคนในตระกูลมีสุวรรณ  ไม่ต้องเช่า โดยคุณพ่อเป็นผู้สนับสนุนเรื่องทุน ซึ่งในระยะแรกๆ พี่ชาย ยังคงเข้ามาช่วยดูแลร้าน

               ซึ่งขณะนั้นได้รับการตอบรับอย่างดี ด้วยมีฐานลูกค้าเดิมที่ตามมากินเพราะติดใจในรสชาติ อีกทั้งด้วยคุณพ่อเป็นคนที่สังคมค่อนข้างรู้จักและมีเพื่อนฝูงมากมาย จึงตามมาอุดหนุน ทำให้ร้านอลาดิน ซูชิ แอนด์ คาเฟ่ เป็นที่รู้จักและเป็นชื่อติดหูของสังคมมุสลิมในยุคนั้น

 ก้าวสู่ยุคที่ 2 ของอาลาดิน ย่านเหม่งจ๋าย

             การย้ายร้านอลาดิน มาเปิดย่านเหม่งจ๋าย นับว่าเป็นยุคที่สองของร้าน ที่เริ่มปรับเปลี่ยนจากร้านห้องแถว สู่ ร้านอาหารที่มีสถานที่โอ่โถง และกว้างขวางมากขึ้น


              หากจะกล่าวถึง น้องนู (สุมนา) แม้ว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กในครอบครัวจากพี่น้อง 3 คน แต่ก็มีส่วนร่วมกับร้านตั้งแต่เริ่มต้น นับตั้งแต่ย้ายร้านมาเปิดย่านเหม่งจ๋าย

              เธอเล่าถึงความพยายามในการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ว่า ต้องยอมรับว่าเมื่อประมาณ 20ปี ที่ผ่านมา ร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย โดยเฉพาะสังคมมุสลิมยิ่งเป็นเรื่องใหม่มาก คนมุสลิมส่วนน้อยเท่านั้น ที่รู้จักเมนูอาหารญี่ปุ่น ทำให้เกิดคำถามมากมาย ซึ่งเราเองก็พยายามหาคำตอบให้กับลูกค้า

              “  การกินปลาดิบ เนื่องจากเมนูอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นปลาดิบ ก็ถูกตั้งคำถามว่า มุสลิมจะทานได้หรือไม่ เราต้องทำการบ้านและหาข้อมูลเยอะมาก โดยปรึกษาผู้รู้ถึงการกินปลาสด เพราะยุคนั้นเป็นเรื่องใหม่มาก ผู้รู้ยืนยันว่า การกินปลาสดในทัศนะอิสลามนั้นสามารถกินได้ เพราะปลาไม่ต้องเชือด เหมือนสัตว์ใหญ่ ไม่ว่า ไก่ วัว หรือ สัตว์อื่นๆ ”


               นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องเครื่องปรุงและน้ำจิ้ม ทั้งนี้อาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมเจือปนจากเหล้าสาเกญี่ปุ่น เราก็ต้องมาคิดค้นและทดลองเพื่อนำมาทดแทนส่วนผสมดังกล่าวเนื่องจากหลักการศาสนาอิสลามไม่อนุญาติ

            “     มันไม่ง่าย เราต้องทดลอง ทดสอบครั้งแล้วครั้งงเล่า จนในที่สุดจึงได้สูตรน้ำจิ้มที่ลงตัว นับเป็นความสำเร็จ ที่ใช้เป็นสูตรน้ำจิ้ม ของ อลาดิน ”

ยุค 3 พัฒนา ปรับเปลี่ยนรูปแบบเพิ่มคุณภาพและมาตรฐาน

               น้องนู เล่าถึง การพัฒนาการจากยุคแรก ว่า ร้านอลาดิน เป็นห้องแถว ต่อมาพัฒนาเป็นร้านอาหารที่มีสถานที่กว้างขวางมากขึ้น  จากยุคที่สองเราดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมาประมาณ 12 ปี  ต่อมาปี 2562 นับว่าเป็นยุคที่ 3 ของร้านอลาดิน เรามีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ทั้งรูปแบบร้าน รูปแบบเมนู รูปแบบการบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการปรับขยายร้านกว้างขวางมากขึ้น สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 60 คน มีห้องวีไอพี ที่รองรับลูกค้าได้ 10-12 คน และมีห้องละหมาดไว้รองรับ

              “ เราปรับปรุงหลายอย่าง มีลานจอดรถสะดวกสบาย มีระบบครั้วร้อน ครัวเย็น มีห้องละหมาด รวมถึงเมนูอาหารที่มากว่า 60 เมนู แม้เหมือนเมนูจะน้อยลง แต่เราไม่ได้ลดคุณภาพ เราพัฒนาเรื่องรสชาติ แต่เพิ่มคุณภาพ และมาตรฐานมากขึ้น ”


               ด้วยร้านอาหารอลาดิน เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นฮาลาล แต่น้ำจิ้ม อาหารญี่ปุ่นในอดีตที่เป็นฮาลาลหายากมาก เราจึงมีการพัฒนาเรื่องเครื่องปรุง น้ำจิ้ม โดยเฉพาะซีอิ้ว หรือน้ำส้ม ซึ่งเดิมมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินมาตรฐานฮาลาล จนกระทั่งโรงงานผลิตซีอิ้วของญี่ปุ่น เคยมาคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เขาทำความเข้าใจในเรื่องฮาลาล จนนำไปสู่การพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมีน้ำจิ้มที่รับรองเครื่องหมายฮาลาล ออกสู่ตลาดจำนวนมาก

จากประสบการณ์ สู่ความลงตัวและมาตรฐาน รองรับลูกค้า

               เธอกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงร้านอลาดิน สู่ยุคที่ 3 ว่า เรามีการพัฒนามาตลอด โดยเฉพาะรสชาติ เราจึงมีสูตรเมนูที่ปรุงเองทั้งหมด ทั้งโซวยุ น้ำจิ้ม ผ่านการคิดค้นและประสบการณ์เกือบ 20 ปี มาต่อยอด ปัจจุบันลงตัวที่สุดส่วนผสมที่ไม่ใช้จากสาเก

              “ ประสบการณ์อย่างเดียวไม่เพียงพอ เราต้องเรียนรู้เรื่องทฤษฎีอาหารญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย และศึกษาเรื่องกรรมวิธีการทำอาหาร ทั้งนี้การเปิดร้านอาหารเจ้าของร้านจำเป็นต้องรู้จริงและทำเป็น เพื่อสื่อกับเชฟว่า เราต้องการรสชาติแบบนี้ ”

               สำหรับ ร้าน Aladin Sushi & Cafe ปัจจุบันเรามีครัวครบวงจร ทั้งรูปแบบครัวร้อนและครัวเย็น  บริการแบบอาลาคาส มีรายการอาหารมากกว่า 60 เมนู และ รูปแบบบุฟเฟ่ต์ ชาบู ในราคาประหยัด 199 และ บุฟเฟ่ต์ ชาบู ชูชิ ในราคา 499 บาท)

ร้านอาลาดิน เน้นของสด คัดสรรวัตถุดิบ

               สุมนา (นูรุ้ลอีน) มีสุวรรณ กล่าวว่า การบริหารร้านอาหารญี่ปุ่นจะแตกต่างจากร้านอาหารทั่วไป เพราะ ร้านอาหารญี่ปุ่นเน้นของสด ดังนั้นทุกขั้นตอนจึงมีความสำคัญ แม้เราจะคัดสรรสินค้ามาอย่างดี แต่หากจัดเก็บไม่ดี ก็จะทำให้อาหารไม่สด รสชาติเปลี่ยน

               นอกจากนี้อาหารญี่ปุ่น ยังมีกรรมวิธิการปรุง ที่ต้องมีทักษะ อีกทั้งต้องมีความชำนาญเฉพาะทางสูง ตั้งแต่การรับปลา ทำความสะอาด การบ่มปลาอย่างไร (การขึ้นปลา) รวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาใช้ เช่น มีด จะต้องมีความคม เฉพาะทางทั้งสิ้น ล้วนเป็นความพิถีพิถันใส่ใจ เพราะมีผลต่อการความอร่อย

             สำหรับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง สังเกตได้จากการจัดโปรโมชั่นของแต่ละร้าน แข่งขันเรื่องราคา อย่างไรก็ตามธุรกิจอาหารญี่ปุ่น มองว่ายังมีโอกาสเติบโต ทั้งนี้จากสถิติ พบว่าประเทศไทยเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น รองลงจากเกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ในส่วนการแข่งขันร้านอาหารญี่ปุ่นตลาดมุสลิม ปัจจุบันเริ่มเยอะมากขึ้น ร้านอาหารญี่ปุ่นเริ่มกระจายลงสู่ตลาดล่าง แต่เราก็ยังคงรักษาเรื่องคุณภาพและรสชาติ

              “ อาหารญี่ปุ่นต้องกินทันที ทำเสร็จแล้วกิน เมนูพร้อมเสิร์ฟ ปลาดิบ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ จะไม่นิยมนำกลับบ้าน เขาต้องกินที่ร้านเลย ที่นี่เรามีเชฟที่มีฝีมือด้านอาหารญี่ปุ่น นี่คือจุดแข็งของร้านอลาดิน ซูชิ แอนด์ คาเฟ่  ”

              สุมนา (นูรุ้ลอีน) มีสุวรรณ กล่าวถึง มุมมองธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ว่า ด้วยศักยภาพของ “อลาดิน ซูชิ แอนด์ คาเฟ่ ” ( Aladin Sushi & Cafe ) เรามีประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นมาร่วม 20 มีเชฟ ที่มีความชำนาญในเรื่องอาหารญี่ปุ่นอย่างดี มีร้านและครัวที่มาตรฐาน เรามีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำจิ้มและซอสของเราเอง จึงมีแนวคิดที่จะขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์


               “ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ ปัจจุบันมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีแบรนด์กระจายไปทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารที่ไม่มีฮาลาล จึงอยากให้มุสลิมที่นิยมและชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ได้มีอาหารญี่ปุ่นที่มาตรฐาน และมีรสชาติเหมือนญี่ปุ่นแท้จริง ได้มีโอกาสรับประทานและมั่นใจในเรื่องของความอร่อย อีกทั้งฮาลาล ”






             จึงอยากเชิญชวนผู้ที่สนใจธุรกิจเฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเราจะมีหลักสูตรอบรมตั้งแต่ในครัว การบริการ รวมถึงระบบการจัดการ ให้เสมือนว่า เรายก ร้าน Aladin Sushi & Cafe ไปไว้ใกล้บ้านท่าน