สถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบันในเมืองไทย (เตรียมตัวล๊อคดาวน์)
โดย นพ. กษิดิษ ศรีสง่า
สำนักข่าวอะลามี่ : อ่านบทวิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบันในเมืองไทย โดย นพ. กษิดิษ ศรีสง่า ที่สะท้อนถึงบทบาทผู้มีอำนาจ และข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในกรณีสถานการณ์ปัจจุบัน แนะให้ประชาชนต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นรุนแรงในเร็ววันนี้
(7 กรกฎาคม 2564 ) เมืองไทยกำลังก้าวเข้าสู่การระบาดครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาวไทย และที่ผ่านมา 2 อาทิตย์ เรายังทำได้แบบเดิมๆ ดังนั้น ตัวเลขทั้งหลายจะเดินต่อไปอย่างแน่นอน
1. ตอนนี้เราติดเชื้อด้วยตัวเลข 6,000 คน/วัน และคนตาย ระดับ 50-60 คนต่อวันแล้ว และจะมีการทำสถิติใหม่ไปเรื่อยๆ
2. เราเริ่มพบเห็นสิ่งที่ผมได้เคยพูดถึงคือ มีคนตายตามบ้านโดยไม่ได้รับการรักษาเนื่องจากเตียงเต็ม และมันจะมากขึ้นเรื่อยๆ
3. เชื้อเปลี่ยนจากสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟ่า) มาเป็น เดลต้า (อินเดีย)ซึ่งระบาดไวกว่า ลงปอดไวกว่า
4. สิ่งที่เราหวังคือฉีดให้ได้ครบ 50 ล้านคน หรือ 100 ล้านโดส ตอนนี้ได้ไป 11 ล้านโดส ขาดอีก 40 ล้านคน เป็นจำนวนเข็ม 2 เท่ากับ 3 ล้านคน เป็น ซิโนแวค 2.9 ล้าน astra 6 หมื่นกว่าๆ พลังป้องกันการติดเชื้อจึงมีเพียง 1-2 ล้านคนเท่านั้นเอง คนไทยอีก 60 ล้านคน ยังไม่มีภูมิคุ้มกันพอเพียง ดังนั้นมันจะติดกันอีกมากมายแน่นอน ถ้าไม่ทำอะไร
5. การฉีดวัคซีนที่จะช่วยได้ตอนนี้เราฉีดได้ ประมาณ 200,000 โดสต่อวัน เท่ากับ 6 ล้านโดสต่อเดือน ทั้งๆที่ศักยภาพของเราควรฉีดได้วันละ 500,000 โดสต่อวัน หรือ 15 ล้านโดสต่อเดือน
6. ในระหว่าง 3 เดือนนี้ (ไตรมาส 3) เราจะไม่มีวัคซีนใหม่มา นอกจาก แอสตร้า 5 ล้านโดสต่อเดือน ยังขาดอยู่ 10 ล้านโดสต่อเดือน และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องนำเข้า ไซโนแวค มาอีก อย่างน้อยๆ 30 ล้านโดส เพื่อให้พอ 3 เดือนนี้
7. ในช่วง 3 เดือนนี้จะมีวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคมา 1.5 ล้านโดส ซึ่งต้องเอาไปให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก่อน ประมาณ 5 แสนโดส และที่เหลือค่อยให้คนที่เสี่ยงตายได้แก่ คนที่มีโรคประจำตัว เพื่อฉีดเข็มแรก
8. ดังนั้นในช่วง 3 เดือนนี้เราจะเห็นจำนวนคนไข้ขึ้นทำนิวไฮท์ตลอด เป็นสภาพที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย
9. รัฐบาลรู้อยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงคาดการณ์ได้ว่า การล๊อคดาวน์ประเทศ ครั้งยิ่งใหญ่ จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ขอประชาชนทุกๆคนเตรียมตัว
ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล
1. การล๊อคดาวน์ครั้งนี้จะต้องทำเพื่อให้โรคสงบให้ได้ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนและกำหนดเวลาแน่นอนไม่ใช่การล๊อคดาวน์แบบฉุกเฉิน แบบไม่ทันเตรียมตัวอย่างที่รัฐบาลทำมาแล้วหลายๆครั้ง รัฐบาลจะต้องประกาศให้ทราบถึงวันล๊อคดาวน์ว่าเป็นวันที่เท่าไร และควรห่างจากวันที่จะล็อคดาวน์ประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อประชาชนจะได้เตรียมตัว
2. ต้องล๊อคดาวน์เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม และอย่างเข้มงวดสุดๆ
3. แต่ต้องมีการวางแผนที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆทั้งหมดไว้ล่วงหน้า
4. ต้องจัดการให้ร้านอาหาร หรือตลาด สามารถขายของได้โดยวิธีที่ไม่มีการติดเชื้อและมีการควบคุมเข้มงวด โดยให้ร้านอาหาร ส่งอาหารแบบ delivery ไปให้ คนที่สั่งได้
5. บริษัทหรือห้างร้านที่ขาดรายได้ รัฐต้องให้ธนาคารช่วยเหลือโดยการปล่อยเงินกู้ให้ และให้ปลอดดอกเบี้ยอย่างน้อย 5 ปี โดยรัฐเป็นผู้รับภาระนั้นแทนประชาชน เพื่อให้เขาสามารถเก็บให้คนงานอยู่ได้ และไม่ลำบาก
6. การเรียนการสอน ต้องเป็น ออนไลน์ แต่ไม่จำเป็นต้องอัดวิชาเข้าไปแบบปกติ ให้เฉพาะวิชาสำคัญๆเท่านั้น และให้เด็กผ่านโดยอัตโนมัติ
7. การตรวจโควิด จะต้องไม่มีการกำหนดให้โรงพยาบาลที่ตรวจต้องเป็นผู้รับคนไข้มิฉะนั้น โรงพยาบาลจะไม่ยอมตรวจ และเราจะไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริง
8. ให้ชุดการตรวจโควิดแบบตรวจเองเป็นสิ่งที่สามารถใช้ได้ หาซื้อได้ง่ายๆ เพื่อคนทั่วไปจะได้ตรวจเอง และไม่ต้องวิ่งมาหาโรงพยาบาล เฉพาะคนที่ตรวจเองแล้วมีผลบวกค่อยไป โรงพยาบาล
9. ให้คนที่เป็นแต่ไม่มีอาการ และมีความสามารถอยู่ที่บ้านได้ ให้อยู่ที่บ้าน โดยทำแอพ ให้คอยบอกอาการทุกวัน ถ้ามีอาการเหนื่อยหอบต้องม โรงพยาบาลให้ไปได้
10. หยุดการฉีดวัคซีนแบบเหวี่ยงแหทั่วไปทั้งหมด โดยบอกกับประชาชนแบบตรงไปตรงมา ว่า มันจะไม่ได้ผล และไม่ช่วยอะไร แต่ให้ระดมวัคซีน ไซโนแวค ไปที่คนในคลัสเตอร์ ทั้งหมด ถ้าคนไหนเสี่ยงมาก มีโรคประจำตัวค่อยให้ แอสตร้า จะต้องมีเป้าหมายฉีดคนในคลัสเตอร์ทุกๆคนให้หมดภายในช่วงล็อคดาวน์นี้
11. โรงงานที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้แก่ โรงงานที่ทำส่งออก ให้ฉีดก่อนเพื่อเขาจะได้กลับมาทำงานสร้างรายได้เข้าประเทศไวที่สุด
12. ต้องฉีดในจังหวัดที่มีการระบาดหนักที่สุดก่อน แล้วจึงทำที่เหลือเรียงๆกันไป ไม่ใช่แบ่งไปจังหวัดละนิดหน่อยซึ่งไม่ได้ผลใช้หลักของพาเรโต ทำแค่ 20 % ให้เกิดผล 80 %
13. จังหวัดที่ไม่ได้ฉีด และคนที่ไม่ได้ฉีดต้องยอมอดทน และต้องได้รับเงินชดเชย ได้รับความช่วยเหลือ จังหวัดที่ฉีดครบแล้วให้เปิดอีกครั้ง และตัดเงินช่วยเหลือออกไป
14. ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ดีแล้วมีติดเชื้อบ้างอย่าตกใจ ถ้าไม่มากให้ทำต่อ เพื่อจะได้มีเงินเข้ามา และถ้าดีให้ทำที่อื่นๆต่อไป เพิ่มจำนวนแต่ไม่ต้องเพิ่มการผ่อนคลายในระยะแรก
15. ถ้า นายกพูดอังกฤษไม่ได้ ก็ให้กระทรวงต่างประเทศ ติดต่อไปยังประเทศต่างๆที่เขามีวัคซีนเหลืออยู่และไม่ได้ใช้ ขอยืมเขามาใช้ก่อน แบบที่เกาหลีทำกับอิสราเอล หัดทำอย่างนั้นบ้าง แนะนำมาหลายครั้งแล้ว ถ้ากระทรวงต่างประเทศทำไม่ได้ให้ ไล่รัฐมนตรีออก ไล่นักการทูตออก หาคนที่ทำได้มาแทน
สำหรับประชาชน
1. ตอนนี้จะเข้าสู่ภาวะยากลำบากที่สุดเป็นเวลา 3 เดือน จงตระหนักแต่อย่าตระหนก
2. คนที่จะรอดได้ คือคนที่สามารถปรับตัวกับสถานการณ์ได้
3. เตรียมตัวให้พร้อมกับการล๊อคดาวน์ อาหารต่างๆ ยารักษาโรค ของกิน ของใช้ทั้งหมดสำหรับ 1 เดือนเต็ม
4. อย่าไปไหนมาไหนนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ถ้าออกไปต้องเต็มที่ มีแอลกอฮอล์ มีหน้ากากที่ปิดปากจมูกมิดชิด อยู่ห่างคนเสมออย่างน้อยๆ 1 ช่วงตัว ห้ามกินน้ำแก้วเดียวกัน ขวดเดียวกัน แยกจาน แยกช้อน แยกแก้ว ทำให้สม่ำเสมอ
5. สำหรับมุสลิม งดการละหมาดแบบรวมกัน ติดกันอย่างเด็ดขาด ถ้าจำเป็นต้องละหมาดรวมกับคนอื่นให้ยืนให้ห่าง 2 เมตร และใส่หน้ากากตอนละหมาดทุกๆครั้ง
6. ทุกๆหมู่บ้าน ควรจะต้องมีหน่วยที่จะช่วยค้นหา หรือช่วยเหลือคนที่เป็น หรือมีแนวโน้มจะเป็นโควิด เช่น ช่วยหาเตียง ช่วยหาที่ตรวจ ช่วยส่งข้าวส่งน้ำ ช่วยเงินทอง ช่วยแรง ตามแต่จะช่วยได้
7. เราต้องช่วยกัน แต่เราต้องยอมรับสภาพด้วยว่า การรักษาตอนนี้จะทำได้แค่ระดับหนึ่ง ในคนกลุ่มหนึ่งๆ จะไม่ได้กันทุกคน จะไม่ได้กันทุกกลุ่ม เพราะทรัพยากรจำกัด อย่าไปเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
8. กินฟ้าทลายโจนไปก่อน 3 แคปซูล 4 เวลา ติดต่อกัน 5 วัน ถ้ามีอาการ
9. เราต้องช่วยตัวเอง ป้องกันตัวเองตลอดเวลา อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้แล้ว ต้องนึกเสมอว่า เราคือคนปกติที่อยู่ท่ามกลางคนที่คิดเชื้อ ดังนั้นต้องระวังสูงสุดอย่าไปรับเชื้อมา และขณะเดียวกันเราคือคนติดเชื้อที่อยู่ท่ามกลางคนปกติ ดังนั้นต้องระวังสูงสุดอย่าเอาเชื้อไปแพร่คนอื่น ซึ่งถ้าหากเขาเจ็บหรือตายมันจะกลายเป็นบาปที่พระผู้เป็นเจ้าจะตอบแทนเราอย่างแน่นอน
ขอพระองค์อัลลอฮ์ทรงโปรดประทานความเมตตาแก่คนไทยทุกๆคน ขอพระองค์ทรงให้เราพ้นจากภัยอันตรายของโรคระบาดในครั้งนี้ด้วยเทอญ อามีน