มุสลิมบ้านนากลาง เกาะลันตา รวมตัวต้านสร้างเขื่อนทับสุสาน
สำนักข่าวอะลามี่ : ชาวบ้านนากลาง อ.เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เรียกร้องให้ทบทวนโครงการสร้างเขื่อน ยันไม่ได้ต่อต่อต้าน แต่ขออย่าทับพื้นที่สุสาน ด้าน “ กมล กสิคุณ “ กำนัน ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา ชี้เกาะลันตา มีความต้องการใช้น้ำสูง เผยแค่สำรวจชาวบ้านอย่ากระหนก ยันหากสร้างต้องไม่กระทบสุสานแน่นอน
จากกระแสข่าวกรมชลประทาน มีแผนจะสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำในพื้นที่เกาะลันตาใหญ่ โดยจะครอบครุมพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่วิตกกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านนากลาง หมู่ที่ 3 ต.เกาะลันตาใหญ่ มีชาวบ้านอาศัยกว่า 50 ครัวเรือน และที่สำคัญในชุมชนดังกล่าวมีสุสาน หรือกุโบร์ ฝั่งศพบรรพชนมานานกว่า60 ปี รวมอยู่ด้วย
สำนักข่าวอะลามี่ ลงสำรวจพื้นที่ พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นร่องเขาสองด้าน ซึ่งบริเวณโดยรอบมีชุมชนมุสลิมและบ้านเรือนของชาวบ้านปลูกสร้างกระจัดกระจาย ท่ามกลางสวนยางพารา สวนปาล์ม นอกจากนี้ยังมีบาลาย ซึ่งเป็นสถานที่รวมกลุ่มปฎิบัติศาสนกิจศาสนาอิสลาม และการเรียนการสอนศาสนากับเยาวชนในพื้นที่ด้วย
ล่าสุดเมื่อ วันที่ 12 ธ.ค.63 ชาวบ้านนากลาง หมู่ที่ 3 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ประมาณ 50 คน มารวมตัวกันที่กุโบร์หรือสุสานบ้านนากลาง ซึ่งอยู่กลางหมู่บ้าน และเป็นจุดที่จะมีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้น เพื่อแสดงจุดยืนต่อการก่อสร้างเขื่อนบริเวณดังกล่าวหลังจากมีเจ้าหน้าที่จากกรมชลประทานลงไปสำรวจพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเกาะลันตา เนื่องจากชาวบ้านหวั่นวิตกว่า เมื่อมีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้นจะทำให้สุสานต้องจมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากตัวเขื่อนกินพื้นที่กว่า 200 ไร่
นายมลตรี ใหมหมาด อายุ 46 ปี ครูสอนศาสนาอิสลามมรพื้นที่บ้านนากลาง ม.3 ต.ลันตาใหญ่ กล่าวว่า การที่ชาวบ้านออกมาคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนที่บริเวณแห่งนี้เนื่องจากชาวบ้านวิตกว่า เมื่อมีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้นจะทำให้กุโบร์หรือสุสาน ที่มีการฝังบรรพบุรุษไว้จมน้ำหายไปด้วยเนื่องจากมีข้อมูลว่าพื้นที่ที่เป็นกุโบร์หรือสุสานจะถูกน้ำท่วมไม่ต่ำกว่า 30 - 40 เมตร ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริงจะมีผลทางด้านจิตใจของชาวบ้าน และหากถามว่าทำไมไม่ย้ายสุสานออกไปซึ่งในศาสนาอิสลามไม่มีการบัญญัติให้มีการย้าย
ด้านนายเลิศศักดิ์ รักชาติ อายุ 66 ปี ม.3 ต.เกาะลันตาใหญ่ เป็นชาวบ้านซึ่งมีบ้านเรือนติดกับสุสานดังกล่าว กล่าวว่า สำหรับพื้นที่สุสานหรือกุโบร์แห่งนี้ร่างของแม่ตนถูกฝังไว้เป็นคนแรก เมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่ผ่านมา หากว่ามีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้นเชื่อว่าร่างของแม่ตนก็จะจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน
“ ผมและญาติๆคงจะรับไม่ได้ เนื่องจากยังมีร่างของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอีกกว่า 30-50 คน ที่ถูกฝังไว้บริเวณแห่งนี้ ด้วยข้อจริงแล้วในพื้นที่เกาะลันตา ยังมีบริเวณอื่นอีกหลายที่ที่สามารถที่จะนำมาสร้างเขื่อนได้จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ไปสำรวจจุดอื่นแทน”นายเลิศศักดิ์ กล่าว
นายอรรถพล แจ้งเศรษฐ์ อายุ 46 ปี ชาวบ้านในชุมชนบ้านนากลาง ม.3 ต.เกาะลันตาใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวอีกคน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมชลประทานได้ลงมาสำรวจพื้นที่ประมาณ 3-4 ครั้งแล้ว โดยครั้งล่าสุดเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา จึงได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไปว่าชาวบ้านบริเวณนี้ไม่ต้องการเขื่อน เนื่องจากจะกระทบกับที่อยู่อาศัยและกุโบร์ และเท่าที่ดูข้อมูลพบว่าพื้นที่บริเวณนี้จะจมน้ำอยู่ใต้น้ำประมาณ 40 เมตร
“ ผมได้บอกกับเจ้าหน้าที่ที่มาสำรวจว่า ช่วยบันทึกลงไปในรายงานการสำรวจว่า มีกุโบร์และบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ด้วย พร้อมกันนี้ตนยังได้ให้ข้อมูลไปด้วยว่ายังมีพื้นที่บริเวณใกล้เคียงที่ไม่กระทบกับชาวบ้านและมีเนื้อที่ประมาณ 300-400 ไร่ ซึ่งสามารถสร้างเขื่อนได้”
ด้าน นายกมล กสิคุณ กำนัน ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวอะลามี่ ว่า สำหรับโครงการเขื่อนกักเก็บน้ำดังกล่าวเป็นแนวคิดและเริ่มมีการสำรวจ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่คาบเกี่ยว 2 ตำบล ระหว่างตำบลศาลาด่านและตำบลเกาะลันตาใหญ่
โครงการดังกล่าวสืบเนื่องจาก ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการบริหารจัดการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมาสำรวจพื้นที่สร้างเขื่อนและสอบถามความต้องการของชาวบ้านเนื่องจากพบว่าในพื้นที่เกาะลันตาในช่วงหน้าแล้งจะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก โดยได้มีการสำรวจพื้นที่ไปประมาณ 3 จุด จุดแรกที่บ้านถ้ำเสือ ซึ่งอยู่ปลายเกาะลันตา จุดที่ 2 บ้านคลองโขง ซึ่งเป็นฝายน้ำเก่า และจุดที่ 3 คือคลองไทร ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษายังไม่ได้สรุปว่าจะสร้างที่จุดใด
" หากว่าการก่อสร้างเขื่อนไปกระทบกับกุโบว์ซึ่งเป็นสุสานเก่าแก่ และเป็นที่ฝังร่างของบรรพบุรุษตนก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกับชาวบ้านเช่นเดียวกัน และจะไม่ให้มีการก่อสร้างเกิดขึ้นพร้อมกันนี้ขอฝากไปยังชาวบ้านว่า อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เพราะขณะนี้เป็นเพียงแค่การสำรวจพื้นที่ ยังไม่มีการกำหนดจุดว่าจะสร้างที่ใดและอยู่ที่ชาวบ้านด้วยว่าจะเห็นด้วยกับการก่อสร้างหรือไม่ " นายกมล กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงสำรวจในพื้นที่ได้รับข้อมูลจากชาวบ้านโดยรวมของเกาะลันตาใหญ่ทราบว่า ด้วยสภาพการขยายตัวของธุรกิจและโรงแรม รีสอร์ท เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้เกาะลันตา มีความต้องการน้ำสูง ในแต่ละปีน้ำจะไม่เพียงพอ จึงมีแนวคิดแสวงหาน้ำเพื่อใช้ในเกาะลันตา จึงเป็นที่มาของการผลักดันสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ
นอกจากนี้หน่วยงานของรัฐเองก็เตรียมนำน้ำจากบนฝั่ง(อำเภอคลองท่อม) วางท่อต่อมายัง เกาะลันตา ทั้งนี้ต้องรอการโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้อยู่ในแผนการก่อสร้างแล้ว