เกาะติดสถานการณ์นักศึกษาไทยในต่างแดน ตอน 7
นักศึกษาไทยในตุรกี 250 คนยังปลอดภัย
โดย เอกธวัธ นัสรี มูเก็ม
สำนักข่าวอะลามี่ : นักศึกษาไทยในตุรกีกว่า250 คน ขณะนี้ยังปลอดภัยและได้รับการดูแลจากรัฐบาลตุรกี เป็นอย่างดี แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดCOVID-19 ในตุรกียังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติในเร็ววัน ล่าสุดพบว่าหน้ากากอนามัยและเจ เริ่มขาดตลาดแล้ว
( 28 มีนา 63) นายณัฐวุฒิ (ซัลมาน) อิสลาม นายกสมาคมนักเรียนไทยในประเทศตุรกี (TSAT) กล่าวกับสำนักข่าวอะลามี่ ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยนับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2563 ได้พบผู้ติดเชื้อคนแรก ซึ่งทันทีที่พบผู้ติดเชื้อทางรัฐบาลตุรกี ได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมสถานการณ์ในทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อ โดยในทุกวันจะทำการทดสอบผู้สุ่มเสี่ยงเป็นจำนวน 10.000-20.000 คน และ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข จะออกมาประกาศจำนวนของผู้ติดเชื้อในทุกคืน ซึ่งพบว่ามีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในทุกวันอย่างน่าตกใจ
“ ภายในเวลาแค่เพียง 16 วัน (11 มีนาคม – 26 มีนาคม) มียอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,433 คน และผู้เสียชีวิตทั้งหมด 59 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยทั้งสิ้น “
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า จากกรณีที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น เกิดจากการที่คนตุรกีนั้นไม่ได้มีความตื่นตัวและความตระหนักกับเหตุการณ์โรคระบาดมากพอ เช่น การไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ข้างนอก พร้อมทั้งมองว่าคนที่สวมใส่หน้ากากอนามัยคือคนป่วยและพยายามไม่เข้าใกล้ รวมถึงการไม่ลดในเรื่องการพบปะและเข้าสังคม
อีกทั้งการที่ผู้สูงวัยยังใช้ชีวิตตามปกติคือการออกไปข้างนอกโดยไม่ระวังตัว จนทำให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลต้องประกาศกฎหมายห้ามผู้สูงวัยอายุเกิน 65 ปี ออกจากบ้าน มีการประกาศปิดร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ เพื่อห้ามการพบปะของผู้คน และรณรงค์ให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมื้อให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา
และอีกหนึ่งมาตรการที่รัฐบาลตุรกีได้ประกาศ หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกนั้นคือ การสั่งปิดสถานศึกษาทั้งหมด ทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัส และเริ่มแคมเปญสนับสนุนให้ประชาชนพำนักอยู่ที่บ้านโดยไม่ออกจากสถานที่พักอาศัย
“ล่าสุดซึ่งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการได้ออกมาประกาศให้มีการเรียนการสอนผ่านทางสื่อออนไลน์ตลอดปีการศึกษานี้ ซึ่งในระหว่างนี้หลายๆมหาวิทยาลัยและโรงเรียนก็ได้เริ่มทำการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์กันแล้ว”
นายกสมาคมนักเรียนไทยในประเทศตุรกี กล่าวถึงสถานการณ์ของนักศึกษาไทยในประเทศตุรกีว่าปัจจุบันมีนักศึกาประมาณ 250 คน ซึ่งทุกคนยังคงสุขภาพดีและไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใดๆ
สำหรับนักศึกษาไทยที่มีศึกษาต่อในตุรกี จะกระจายกันในแต่ละเมืองทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาทุนรัฐบาลตุรกีและอาศัยอยู่ในหอพักนักศึกษาของทางรัฐบาล ซึ่งหอพักรัฐบาลที่มีอยู่ทั่วประเทศเหล่านี้บางแห่งได้ถูกใช้เป็นสถานกักกันตัวของผู้สุ่มเสี่ยงจำนวน 11.269 คน เป็นเหตุให้นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในหอพักเหล่านี้บางส่วนถูกย้ายกระจายกันไปอยู่ตามหอพักต่าง ๆ
โดยหอพักนักศึกษาเหล่านี้ได้มีการเพิ่มมาตรการต่างๆที่เข้มข้นขึ้น เช่น แต่ละห้องจะให้อาศัยอยู่เพียงคนเดียว หรือไม่เกิน3 คน, โรงอาหารภายในหอพักบางแห่งเปลี่ยนไปใช้จานชามกระดาษ หรือโฟมแทน และบางแห่งนำอาหารไปเสิร์ฟให้กับนักศึกษาถึงห้องพัก นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งน้ำยาแอลกอฮอล์ตามจุดต่าง ๆ ,ประกาศห้ามกลับเข้าหอพักหลัง 18.00น., ฉีดน้ำยาทำความสะอาดในห้องพัก และบางแห่งมีการจำกัดเวลาการออกนอกสถานที่อีกด้วย
“สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดในตุรกี แม้ว่าจะยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่รัฐบาลยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว หรือคำสั่งฉุกเฉินต่างๆ ทำให้ประชาชนและนักศึกษา ยังคงสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติในระดับหนึ่ง “
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามประเด็นที่เป็นปัญหาคล้ายกันในหลายประเทศคือเรื่องของการขาดแคลนหน้ากากอนามัยหรือน้ำยาล้างมือแอลกอฮอล์ การขึ้นราคาของสินค้าจำพวกเวชภัณฑ์ แต่ทางรัฐบาลก็ออกมาควบคุมได้อย่างทันท่วงที