สำนักข่าวอะลามี่ : พล.โท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ออกแถลงการณ์ ระบุว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ ๔๕ ได้ปะทะกับกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๓ คน เหตุเกิดเมื่อ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ บนเทือกเขาตะเว ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส นั้น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ขอชี้แจงให้ทราบดังนี้ ในนามของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง ๓ ราย ที่เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยขอยืนยันว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ด้วยความโปร่งใสและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ แม้เบื้องต้นพบว่าเป็นการสำคัญผิด ของเจ้าหน้าที่
#อย่างไรก็ตามหากภายหลังพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิดด้วยความจงใจ #ก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาทหารขั้นสูงสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น #
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่า #การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นการขยายผลจากเหตุปะทะกับกลุ่มคนร้ายเมื่อ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ในพื้นที่ หมู่ ๑๓ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จว.นราธิวาส แต่คนร้ายได้หลบหนีไปได้ และจากภาพข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้ายอย่างต่อเนื่องในห้วงที่ผ่านมา จึงได้จัดกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบ
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายครั้งในห้วงที่ผ่านมา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เจอกับกลุ่มบุลคลไม่ทราบฝ่ายประมาณ ๔-๕ คน เจ้าหน้าที่ จึงได้แสดงตัว เพื่อตรวจสอบแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีพร้อมกับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ๓-๔ นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยิงตอบโต้และเมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิต ๓ คน ส่วนที่เหลือได้หลบหนีไปได้
ในห้วงที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ได้เปิดแผนเข้ากดดันบังคับใช้กฎหมายกลุ่มคนร้ายในพื้นที่ป่าภูเขาทุกพื้นที่พร้อมได้ออกคำสั่งห้ามราษฎรขึ้นไปหาของป่า หรือกระทำสิ่งอื่นใดในพื้นที่ป่าภูเขา ทั้งนี้ได้แจ้งผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เทือกเขาเมาะแตและเทือกเขาตะเว ถือเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาดเพราะเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ ได้เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายมาแล้วหลายครั้ง โดยที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดฐานที่มั่นบนพื้นที่ เขาตะเวและเขาเมาะแตได้ถึง ๘ ฐาน
อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง ๓ คน เป็นราษฎรในหมู่บ้านมิใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง แต่ได้สำคัญผิดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ปรากฏภาพข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย #พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนของหน่วยเพื่อดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง #ทั้งทางวินัยและทางอาญาขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีข้อละเว้น
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการ ด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระจากผู้แทนของทุกภาคส่วนที่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานอย่างเป็นอิสระด้วยความโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสมและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่บทสรุปดังกล่าว จะไม่มีข้อพันธะผูกพันทางกฎหมาย ทั้งนี้ จะรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้สังคมทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป
Cr.ThaiPBSศูนย์ข่าวภาคใต้