RIYAHAD : ดีไซน์อุมเราะห์

นักธุรกิจรุ่นใหม่มืออาชีพ

            สำนักข่าวอะลามี่ : ปัจจุบันประเทศไทยได้รับโควตา ผู้เดินทางไปแสวงบุญฮัจย์ปีละประมาณ 13,000 คน แต่ในระยะ2-3 ปีที่ผ่านมา จากพิษเศรษฐกิจ ทำให้ตัวเลขการไปทำฮัจย์ไม่ถึงโควตาที่ได้รับจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย

             ขณะเดียวกัน มุสลิมไม่เพียงจะเดินทางไปเพื่อทำฮัจย์เท่านั้น แต่ละปีจะมีมุสลิมไทย เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ เป็นจำนวนมาก

         “ อุมเราะห์ (UMRAH) คือ การเดินทางไปแสวงบุญและปฏิบัติศาสนากิจที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในภาษาอาหรับ หมายถึง การเยี่ยมเยียนสถานที่พำนักของท่านศาสดาการทำอุมเราะห์ (การแสวงบุญเล็ก) จะต่างจากการทำฮัจย์ (การแสวงบุญใหญ่) ซึ่งกำหนดให้มุสลิมทุกคนที่มีความสามารถต้องปฏิบัติ แต่การทำอุมเราะห์ นั้นไม่ได้เป็นการบังคับ แต่หากมีโอกาสได้ไปจะได้รับผลบุญ”

          คุณสราวุธ (ซากีรีน) และซัน ( SARAWUT LAESAN) ประธานกรรมการบริหารบริษัท ริยาฮัด จำกัด ผู้ให้บริการอุมเราะห์แบบวันสต๊อปเซอร์วิส กล่าวว่า บริษัทฯตั้งขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์และจัดทำ Package ให้กับบุคคลหรือแซ๊ะห์ ที่ต้องการจะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ทั้งนี้การเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ สามารถเดินทางไปได้ตลอดทั้งปี แต่ฮัจย์จะไปได้ แค่ปีละครั้งเท่านั้น

           ดังนั้นจึงมองว่าเป้าหมายเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ มากกว่า เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ เช่น ยกตัวอย่างในประเทศไทย คนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ประมาณ 8000 กว่าคนเศษๆ แต่คนไทยเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์กว่า10,000 คน/ปี

          “ ผมอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย กว่า10 ปี ทำให้เรามีประสบการณ์เป็นทั้งออแกไนซ์ และเอ้าซอร์ซ ให้กับทางซาอุฯทั้งเรื่องการจองโรงแรม ให้บริการแคทเทอริ่ง (อาหาร) จัดหารถ หรือติดต่อรถให้บริการกับผู้ที่ไปทำอุมเราะห์ เช่น รถบัส GMC รถบัสขนาดเล็กหรือรถบัสขนาดใหญ่ VIP ก็มีให้บริการ”

          คุณสราวุธ กล่าวว่า ต่อมาบริษัท RIYAHAD ได้จดทะเบียนในรูปแบบการจอยเวนเจอร์ ในรูปแบบธุรกิจกับบริษัท ฮูเซนเฮยาซี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอเย่นซี่ อันดับต้นๆที่ติดท็อปเท็นของซาอุดิอาระเบีย และเรายังได้รับอนุญาตจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย อย่างเป็นทางการการให้เป็นเอเย่นซี่ สามารถออกเอกสารวีซ่าให้กับคนไทยได้อีกด้วย

          “ สำหรับคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเป็นเอเย่นต์ซี่จากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย จะต้องมีเงินทุนวางประกันกับรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ประมาณ 2 ล้านบาท แต่ที่สำคัญจะต้องเป็นบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและมีคอนเนคชั่นอย่างดีกับรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยเราได้สร้างสมประสบการณ์ในซาอุดิอาระเบีย มายาวนาน สิ่งเหล่าเป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้มาเริ่มทำธุรกิจนี้อย่างเต็มรูปแบบ”

            อย่างไรก็ตามปัจจุบันประเทศซาอุดิอาระเบียได้มีการปรับปรุงระบบฮัจย์และอุมเราะห์ ชนิดแบบหน้ามือเป็นมือ ทำให้เอเย่นซี่ ก็ต้องปรับตัว ในอดีตบริษัทเอเย่นซี่ จะทำหน้าที่ในการเตรียมเอกสารหนังสือเดินทาง เอกสารประกอบการเดินทาง เพื่อยื่นเอกสารกับฝ่ายกงสุลเพื่อออกวีซ่า

             แต่ปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงโดยกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์ ได้ปรับเปลี่ยนใช้ออนไลน์ระบบอัจฉริยะ มีรูปของการออนไลน์ 100% นั้นคือ การยื่นวีซ่าใช้เป็น E-Visa การจ่ายเงินรูปแบบเป็น E-Banking เป็นการตัดเงินในบัญชีจากธนาคารที่ทางซาอุดิอาระเบีย เปิดไว้ให้เรา ซึ่งเราจะต้องโอนไปให้เขาก่อน

             ในส่วนของจองโรงแรมจะใช้ในรูปแบบของ E Booking ซึ่งปัจจุบัน บริษัทบุคกิ้งออนไลน์ขนาดใหญ่ของโลก ก็เข้ากับระบบนี้แล้ว เช่น AGODA , Booking.com และอื่นๆอีกหลายรายกำลังจะตามมา

             รูปแบบนี้มองในแง่ของ คุณภาพและการเซอร์วิสมีความเหมือนหรือความแตกต่างในอดีตอย่างไร

             “ ผมมองว่ามันเป็นความท้าทายสำหรับคนรุ่นใหม่แบบเรา ผมเองกับทีมงานก็พยายามสุดความสามารถ จนในที่สุดเราสามารถออกวีซ่าผ่านระบบอัจริยะออนไลน์เล่มแรกของประเทศไทยได้แล้ว ซึ่งจะเป็นตัวที่การันตีว่าเรามีความสามารถที่จะดูแลทุกท่าน เป็นการสร้างความมั่นใจ ด้วยทีมงานที่เข้มแข็ง และมีประสบการณ์ทั้งในประเทศไทยและประเทศซาอุดิอาระเบีย”

               สำหรับรูปแบบการบริการของ RIYAHAD บริการรูปแบบขอการออกงแพ็คเกจเพื่อให้ผู้ประกอบการ หรือ แซะห์ นำไปขายอีกทอดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเราออกแบไว้ 3 รูปแบบ  คือ (1) รูปแบบ Standard  เงินทุนน้อยหน่อยสำหรับผู้ที่ประสงค์จะไปทำอุมเราะห์นะครับ (2) รูปแบบพรีเมี่ยมพรีเมี่ยม และ(3) รูปแบบของ VIP

             “ เราจะให้คำปรึกษาและออกแบบรูปแบบการเดินทาง สำหรับกรู๊ปส่วนตัว ตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน การจองห้องพัก สามารถกำหนดระยะเวลาการเดินทาง ตลอดจนเรเองวีซ่า ไม่เพียงเท่านั้น เรายังดูแลท่านเมื่อถึงจุดหมาย ทุกจุดจะมีคนของเราดูแลตลอดทริปการเดินทาง หรือบางท่านอาจต้องการทริปพิเศษเราสามารถจัดให้ได้ตามความต้องการ  “

             สำหรับธุรกิจของ RIYAHAD นอกจากจะทำอุมเราะห์แล้ว  คุณสราวุธ กล่าวว่า ด้วยนโยบายของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเปลี่ยนแปลงไปมากซึ่งเป็นไปตามคำประกาศนโยบาย Vision 2030 รับบาลซาอุดิอาระเบีย ได้ปรับรูปแบบเศรษฐกิจจากเดิมที่มุ่งหวังในเรื่องของการค้าน้ำมัน ด้วยการปรับเปลี่ยนเน้นรายได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้น

           “ ปัจจุบันรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย อนุญาต และออกออกวีซ่าให้กับคนเดินทางไปท่องเที่ยวในรูปแบบการดูแลสุขภาพให้กับคนที่จะมาเมืองไทย หลังจากก่อนหน้านี้ไม่อนุญาตคนซาอุฯเข้าไทยเด็ดขาด ตรงนี้ก็เป็นโอกาสที่อาจจะต่อยอดธุรกิจได้”

           โดยล่าสุดเราได้เจรจากับบริษัทนำเข้าของซาอุดิอาระเบีย ในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารขนม และได้เอาสินค้าตัวอย่างไปให้ดู ก็ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของยื่นยื่นตรวจ อย.ของซาอุดิอาระเบียนะ ซึ่งน่าจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้

         นอกจากนี้พบว่ามีตัวเลขนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบีย เดินทางเข้าประเทศไทยโดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวจำนวนมาก เราจึงได้แตกไลน์รองรับธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ โดยจะนำนักท่องเที่ยวจากซาอุฯเข้าไทย พร้อมกับได้เจรจากับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในการนำนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาเซ็ทอัพร่างกาย ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศรองรับนโยบายฮาลาลทัวริสซึ่ม ของรับบาลอีกทางหนึ่งด้วย

          “ เบื้องต้นเราจะนำกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาในรูปแบบของแฟมิลี่ หรือเป็นกลุ่มครอบครัวซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง โดยปลายทางท่องเที่ยว กรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นี้จะมีการอยู่เมืองไทยประมาณ 1-2 สัปดาห์ และรวมถึงนักท่องเที่ยวประเทศกลุ่มกัฟประกอบด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน คูเวต การ์ต้า บาห์เรน อีกด้วย”

            สำหรับราคาของอุมเราะห์ จะขึ้นกับเวลา อาทิเช่นในช่วงเทศกาลฮัจย์ประมาณ 2 เดือนถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ราคาพีคที่สุด ส่วนหลังฮัจย์ก็จะเป็นอุมเราะห์ โดยทั่วไปราคาจะไม่แพงมากนัก ยกเว้นในช่วงเดือนรอมฎอน ที่ราคาทุกอย่างในซาอุดิอาระเบีย แพงทั้งหมด ไม่แพ้เทศกาลฮัจย์

ข้อมูลส่วนตัว

            นายสราวุธ (ซากีรีน) และซัน (SARAWUT LAESAN) เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวทำธุรกิจอาพาร์ทเมนท์ อาคารพาณิชย์ให้เช่า เรียนจบชั้นประถมจากโรงเรียนสุเหร่าทับช้างคลองบน กรุงเทพฯ ก่อนจะเรียนจบมัธยมโรงเรียนท่าอิฐศึกษา ในหลักสูตรบูรณาการ

            จากนั้นมีโอกาสเข้าไป Take Course English And arabic Camp ที่มหาวิทยาลัย UIA ประเทศมาเลเซีย ทำให้จุดประกายในเรื่องของภาษาและเมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาต่อ คณะศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา Airline Business management  มหาลัยสวนราชภัฎสวนดุสิต (วิทยาเขตหัวหิน)

            จากนั้นได้มีโอกาสฝึกงานกับสายการบิน Gulf Air ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เรารู้สึกว่า ตัวเองยังด้อยด้านของภาษา จึงเป็นจุดที่ให้เราเริ่มค้นหาว่าเราจะไปเรียนต่อที่ประเทศไหน หรือต่อยอดทางด้านการศึกษาได้อย่างไร

           จากนั้นก็สมัครเพื่อขอทุนไปเรียนยังต่างประเทศต่างๆ จนสามารถสอบชิงทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยไคโร ประเทศอียิปต์ ได้ติดอันดับที่ 1 ของประเทศไทย แต่ปรากฏว่าขณะนั้นประเทศอียิปต์กำลังมีปัญหาจึงไม่สามารถออกวีซ่าได้

           ต่อมาก็ได้รับตอบรับรับทุนของประเทศกาตาร์ เป็นโปรแกรมเฉพาะเรียนภาษาโดยตรง 1 ปี ให้ทุนเปล่าเต็ม มีตั๋วเครื่องบิน มีเงินเดือน มีที่พักมีอาหารให้ 3 มื้อ โดยมีนักศึกษาจาก 63 ประเทศ

           จากนั้นก็ได้รับทุนการศึกษาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกัดยะห์มาดาม ที่เมืองยอร์ค ยาการ์ตา ใช้เวลาอยู่ประมาณ 6 เดือน ทำให้เราได้ภาษาบาฮาซาอินโดนีเซีย หลังกลับจากอินโดนีเซียได้ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่ที่มหาลัยสวนดุสิต คณะธุรกิจการบิน ขณะเดียวกันก็เป็นอาจารย์สอนมหาลัยสแตมฟอร์ดด้วย

             ช่วงเวลาเดียวกันก็เข้าเรียนหลักสูตร MBA ที่แสตมฟอร์ด ซึ่งขณะนั้นก็ทำงานสถานทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในกรุงเทพฯ ทำให้เรียนรู้การประสานงานระหว่างคนไทยกับชาวUAE  ขณะที่เรียนเหลือแค่การทำวิทยานิพนธ์ ปรากฏว่าซาอุดิอาระเบีย ที่เราได้ยื่นทุนไปนานแล้วเมื่อ 4-5 ก่อนหน้านี้ตอบรับ

            ในที่สุดก็ขอดร็อปปริญญาโท ไปเรีบนต่อที่ซาอุดิอาระเบีย และต่อมาก็มากลับมาทำวิทยานิพนธ์จนจบ ก่อนจะไปเรียนต่อที่ซาอุดิอาระเบีย ต่อและใช้ชีวิตที่ซาอุฯประมาณ 7-8 ปี

          จากประสบการณที่อยู่ในซาอุดิอาระเบีย ทำงานในสถานกงสุลไทย ในกรุงเจดดะห์ จนกระทั่งมีโอกาสมาทำหน้าที่ เป็นหัวหน้าสำนักงานกิจการฮัจย์ประจำกรุงเจดดะห์ ก่อนจะกลับมาประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ จนนำสู่การเปิดธุรกิจในประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้

ติพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับ กันยายน 2562
 ติดตาม Alami New ผ่านระบบYoutube : https://www.youtube.com/channel/UC2JuzO2tt8nKO7d672pqdiw?view_as=subscriber