เปิดตัวทายาทธุรกิจ
ก้าวที่กล้า “อัล มีรอซ”
จากธุรกิจกงสี สู่ แบรนด์ดังโรงแรม Al-meroz
สำนักข่าวอะลามี่ : โรงแรมอัล มีรอซ นับเป็นธุรกิจโรงแรมฮาลาลที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ แต่การจะมายืนตามสโลแกนที่ว่า “ The Leading Halal Hotel ” ได้นั้นเส้นทางธุรกิจนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกผ่ามือ
การสร้างธุรกิจ ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ยากแล้ว แต่การสร้างคนเพื่อมารับไม้ต่อ หรือทายาทธุรกิจ เป็นที่สิ่งที่ค่อนข้างยากพอๆ กัน วันนี้ “ โรงแรมอัล มีรอซ ” ก้าวสู่ปีที่ 4 ท่ามกลางความยินดี ทั้งทางธุรกิจและทายาทธุรกิจ ที่กำลังมาสานต่อ จากรุ่น สู่รุ่น....
นายรอศักดิ์ มูลทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมอัลมีรอซ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการก่อร่างสร้างโรงแรมอัลมีรอซ จากวันนั้นถึงวันนี้กำลังก้าวสู่ปีที่ 4 นับเป็นโรงแรมฮาลาล แห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดให้บริการครบวงจร ตามสโลแกนที่ว่า “ The Leading Halal Hotel ”
“ คุณเคยคิดเหมือนผมไหม... ทุกครั้งที่เราไปงานเลี้ยงตามโรงแรมต่างๆ ผมคิดเสมอว่า..ทำไมไม่มีโรงแรมของมุสลิมที่หรูหรา ที่เป็นรูปแบบของโรงแรมฮาลาลบ้าง..” คือคำถามกึ่งๆ คำตอบในใจของคุณรอศักดิ์ เป็นการเปิดประเด็นในการสนทนากันในครั้งนี้
เราเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ในการทำโรงแรมระดับ 4 ดาว ของประเทศไทย ที่เปิดให้บริการในนาม อัล มีรอช มูลค่าการลงทุนร่วมพันล้าน ไม่รวมราคาที่ดิน
คุณรอศักดิ์ เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า เดิมธุรกิจเริ่มต้นจากธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ ในซอย 5 ถนนรามคำแหง ชื่อ “ ร้านอาหารโซเฟีย ” เปิดให้บริการรองรับกลุ่มทัวร์มุสลิม ประกอบกับในขณะนั้นกำลังตื่นตัวเรื่องอาเซียน หรือ AEC ลูกค้าที่เป็นไกด์ และบริษัททัวร์ต่างประเทศสอบถามถึงห้องพักและมีบริการอาหารฮาลาลด้วย
ในที่สุดก็หารือกับกลุ่มพี่น้องตระกูล “ มูลทรัพย์ ” ซึ่งมีสินทรัพย์ในลักษณะกงสี และมีที่ดินเหลืออีกบางส่วนกว่า 3 ไร่ เดิมคิดว่าจะทำ Sport Complex แต่ก็ต้องยกเลิก และในที่สุดเราก็ตกผลึกและร่วมกันกับพี่น้อง โดยใช้งบของกงสีในการลงทุนและใช้งบประมาณลงทุนเพิ่มเติมจากบรรดาพี่น้องทั้งหมด 11 คน เพื่อทำให้เกิดโรงแรมแห่งใหม่ขึ้นย่านรามคำแหง
“ โรงแรมแห่งนี้เป็นการร่วมกันลงขันของพี่น้อง ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะชื่อ Grand Heritage ซึ่งแปลว่า มรดก หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น Al Meroz (อัลมีรอซ) ซึ่งมีความหมายเดียวกัน มีห้องพักรองรับ 242 ห้อง บนพื้นที่ 3 ไร่ครึ่งออกแบบลักษณะสไตล์อิสลามิคดีไซน์ เอาความเป็นอาหรับสไตล์มาตกแต่งให้ดูเหมาะสมหรูหราได้อย่างลงตัว ซึงบ่งบอกถึงความเป็นมุสลิมที่เป็นเอกลักษณ์ ”
“ โรงแรมอัล มีรอซ ” Al Meroz Hotel มีทั้งหมด 16 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น โดยออกแบบให้มีล็อบบี้ที่กว้างใหญ่โอ่โถง จนกลายเป็นจุดสนใจของผู้ที่มาใช้บริการและนักท่องเที่ยว ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม มีห้องพักที่กว้างสะดวกสบาย ขนาดของห้องมีพื้นที่ 30 ตารางเมตร/ห้อง ส่วนห้องสวีท มีขนาดพื้นที่ 68-75 ตารางเมตร เรามีห้องพักห้องอาหาร 3 ห้อง ประกอบด้วยห้องอาหารดีวาน, ห้องอาหารบารากัต, และห้องอาหารปาปิรุส, อีกทั้งยังมีRoof Top เปิดให้บริการในช่วงเทศกาล และจัดงานอีเวนท์ต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีห้องประชุมสัมมนา 2 ห้องใหญ่ รองรับงานเลี้ยง และไลฟ์สไตล์ต่างๆ จุคนได้ 800-1200 คน ห้องริฟาอี อยู่ชั้น 3 สามารถจุได้ 40-50 คน และห้องบอร์ดรูม รองรับนักธุรกิจได้ 20 - 30 คน มีสระว่ายน้ำ มีห้องฟิตเนต ซึ่งให้บริการมาตรฐานในระดับ 5 ดาว
เมื่อถามถึงในแง่ของธุรกิจโรงแรม คุณรอศักดิ์ บอกว่า นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปีแรกเรามีลูกค้าเข้าใช้บริการโรงแรมอยู่ในระดับ 70% และขยายตัวต่อเนื่องในปีถัดมาเป็น 80% และ 90 % สำหรับในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่สี่ เรามีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
“ ด้วยความเป็นโรงแรมมุสลิม เราไม่ได้มองลูกค้าเฉพาะในประเทศ แต่เรามองรอบประเทศ อาทิเช่น อาหรับ แอฟริกา หรือกลุ่มมุสลิมอพยพที่เป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป รวมถึงลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน และลูกค้าจีน ”
แต่ในขณะเดียวกัน คุณรอศักดิ์ ไม่ได้มองว่าเป็นจุดอ่อนของการดำเนินธุรกิจโรงแรม ในรูปแบบโรงแรมฮาลาล แต่เรากลับมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า “ เป็นโอกาสในการเผยแพร่ความเป็นอิสลาม หรือ ดะวะห์ ” เช่น กฎเกณฑ์ต่างๆ ในธุรกิจของมุสลิม เช่น ห้ามนําเอาแอลกอฮอล์ เข้ามาดื่มในโรงแรม
“ ผมมีความคาดหวังอยากเห็นโรงแรมฮาลาลครบวงจร และเป็นโรงแรมที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ที่หลากหลาย ที่สำคัญต้องมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นั่นคือ โรงแรมอัลมีรอซ ในความคิดของผม ”
ในขณะที่โรงแรมอัล มีรอซ กำลังเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวตลอดจนบรรดานักการทูตมุสลิมในประเทศไทย แต่ในแง่ธุรกิจก็ต้องปิดช่องว่างและเติมเต็มในจุดยังขาดหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ต้องการห้องพักสบาย มาตรฐานการให้บริการแต่ราคาอาจไม่สูงเกินไป
ล่าสุดเรากำลังขยายเฟสใหม่ โดยปรับพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นอาพาร์ทเม้นท์ 3 ตึก มาตกแต่งเพิ่มเติมให้เป็นโรงแรม แยกการบริหารออก โดยใช้ชื่อว่า “ AL MASS ” (อัลมาส) ซึ่งแปลว่า ความเข้มแข็งดั่งเพชร เป็นการรองรับกลุ่มลูกค้า ที่มี budget จำกัดราคาเริ่มต้นระหว่าง 1,500 – 1,800 บาท รองรับกลุ่มทัวร์และบุคคลทั่วไป เป็นราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ส่วนรูปแบบของโรงแรม จะเป็นสไตล์โมเดิร์นผสมผสานแนวอาหรับ โดยเราลงทุนเพิ่มประมาณ 150 ล้านบาท มีจำนวน 230 ห้อง โดยจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้
ในฐานะนักธุรกิจโรงแรม คุณรอศักดิ์ มองโอกาสและการแข่งขันในรูปแบบของโรงแรมฮาลาลในขณะนี้ว่า จากกระแสฮาลาลที่ขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่เป็นมุสลิมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น มีงานจัดเลี้ยงไลฟ์สไตล์ต่างๆ และมีงานประชุมสัมมนาทางธุรกิจมากขึ้นเช่นกัน
ในระยะเวลาที่ผ่านมา เราสร้างแบรนด์ อัลมีรอซ จนเป็นที่ยอมรับ แต่ธุรกิจก็ต้องมีการสืบทอดต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมอัลมีรอซ ซึ่งเราบริหารในนาม บริษัท ที.เอส. แฟมิลี่ จำกัด เป็นธุรกิจกงสี ซึ่งจะต้องส่งไม้ต่อให้กับทายาทธุรกิจของเราต่อไป
“ ปัจจุบันมีทายาทของเราเข้ามาทำงานเรียนรู้ระบบและร่วมงานกับโรงแรมบ้างแล้ว โดยลูกหลานเหล่านี้มาจากพี่น้องในครอบครัวผู้ถือหุ้น 11 คนพี่น้อง อาทิเช่น จากครอบครัวมูลทรัพย์ 3 คน ครอบครัวมะลูลีม 2 คน จากครอบครัวสิริมา 2 คน ครอบครัวสุภาภรณ์ เลาะมะ 1 คน ครอบครัวธรรมยุติ 1 คน และครอบครัวละติฟะห์ 1 คน ซึ่งผู้ถือหุ้นบางคนขอแค่เพียงถือหุ้นก็มี ”
ทั้งนี้เราจะปลูกฝังรุ่นลูกหลานของเรา เพื่อที่จะมาช่วยกันดูแลธุรกิจของครอบครัว สำหรับทายาทธุรกิจในรุ่นนี้รวมทั้งหมด 10 คน แต่ละคนจะแยกไปทำงานในแผนกต่างๆ และหมุนเวียนเรียนรู้ในแต่ละแผนกของโรงแรม ซึ่งเราคาดหวังว่ารุ่นลูกหลานของเรามารับไม้ต่อ สานธุรกิจโรงแรมฮาลาล ต่อไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เปิดตัว 10 ทายาท สานต่อธุรกิจโรงแรม
จากคนรุ่นหนึ่งที่ร่วมกันก่อร่างสร้างฐานธุรกิจกงสี สู่ธุรกิจโรงแรมอัล มีรอซ มูลค่ากว่าพันล้าน แน่นอนธุรกิจย่อมต้องมีคนสานต่อ แต่นั่นอาจไม่ใช่ธุรกิจทุกกลุ่มที่มีทายาทมารับไม้ต่อ
และนับเป็นครั้งแรกที่เหล่าบรรดาทายาทธุรกิจ ทั้ง 10 คน ได้มาพูดคุยถึงประสบการณ์ที่มาเรียนรู้และทำงานด้วยมุมมองของคนรุ่นใหม่ และพร้อมรับไม้จากคนรุ่นก่อตั้ง
เราเปิดห้องสนทนากับเหล่าทายาทธุรกิจ ซึ่งท่าที่และหน่วยก้านของแต่ละคน มีความมุ่งมั่นและแววตาที่บ่งบอกถึงความกระตือรือร้น พร้อมนำวิชาความรู้สมัยใหม่เข้ามาแต่งเติมต่อยอดโรงแรม
ฮูเซ็น มูลทรัพย์ จบปริญญาตรี สาขาธุรกิจการโรงแรม ก่อนจะไปเติมเต็มประสบการณ์และเสริมด้านภาษาจากประเทศอังกฤษ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็น “ Management Trainee ” ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ภาพรวมของการบริการโรงแรม ห้องจัดเลี้ยงการต้อนรับแขก VIP และงานที่สำคัญๆ
“ โรงแรมฮาลาล เป็นเรื่องท้าทายเนื่องจากโรงแรมฮาลาลมีกฎที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไป เราเป็นโรงแรมฮาลาลจึงอยากเห็นแสตนดาร์ดที่แข็งแรงกว่านี้ พนักงานสามารถใช้ภาษาสื่อสารกับต่างชาติได้หลายภาษา และมีสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ”
โซเฟีย มูลทรัพย์ ปัจจุบัน รับผิดชอบงาน “ PR officer ” ดูแลเรื่องโซเชียลมีเดีย ภาพลักษณ์ขององค์กร โดยเริ่มต้นทำงานที่นี่ ด้วยตำแหน่งเจ้าหน้าที่ต้อนรับหน้าฟร้อนท์ ก่อนจะขยับมาทำงานด้านประชาสัมพันธ์และด้านการตลาด พร้อมกันนั้นได้เรียนรู้งานในหลายๆ ด้าน
“ อยากนำเอาระบบดิจิตอลอินโนเวชั่น มาสนับสนุนการทำงานของโรงแรม เพื่อภาพลักษณ์ที่โมเดิร์นและนำสมัย ทำให้เกิดความแตกต่างโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนการให้บริการกับลูกค้า ซึ่งจะเป็นอีกมาตรฐานหนึ่งของโรงแรมฮาลาล ”
เอกรัฐ ทองคำวงศ์ (ลูกเขยจากครอบครัวคุณรอศักดิ์ มูลทรัพย์) จากประสบการครอบครัวทำธุรกิจฮัจย์และอุมเราะห์ ส่วนใหญ่จะเข้ามาช่วยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา นำประสบการณ์จากการไปพบผู้บริหารโรงแรมชั้นนำในต่างประเทศ ทั้งในซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และที่อื่นๆ มาช่วยระดมความคิดเพื่อให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ
“ ในอนาคตอันใกล้ เราจะมีผู้บริหารแต่ละแผนกของโรงแรมที่หลากหลาย เพราะทุกคนผ่านการฝึกงานและเริ่มทำงานตั้งแต่ฐานเริ่มต้น ด้วยความผูกพันของสายตระกูล นี่คือจุดแข็งทำให้เราคุยงานเหมือนคุยเล่น คุยเล่นแต่คุยงานด้วย ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจต่อไป ”
อิศรา ทรงศิริ “ ตำแหน่ง Receiving ” ทำหน้าดูแลที่รับผิดชอบเรื่องของสด และของแห้งที่เข้ามาในโรงแรม พร้อมทั้งดูแลคุณภาพของสินค้า ก่อนเข้ามาให้บริการลูกค้าของโรงแรม
“ ทุกอย่างต้องผ่านสายตาผม ก่อนจะนำสินค้าเหล่านี้บริการให้กับลูกค้าของโรงแรม ซึ่งเราต้องดูสินค้าและคัดสินค้าที่ดีที่สุดก่อนบริการลูกค้า ”
วิศรุต ทรงศิริ จบการศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานี สาขาการจัดการโรงแรมและรีสอร์ท ปัจจุบันดูแล Front Office ตำแหน่ง “ Guest Service Agent ” ทำหน้าที่บริการหน้าฟร้อนท์ เป็นด่านแรกที่คอยต้อนรับลูกค้า
“ ทั้งนี้โรงแรมของเราจะต้อนรับแขกที่หลากหลาย ทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติ อาจมีปัญหาเรื่องของวัฒนธรรม เราก็เข้าไปคอยดูแล จากประสบการณ์ที่ทำงานมาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะโรงแรมฮาลาล เชื่อว่ายังมีโอกาส เพียงแต่เราจะต้องแสวงหาตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ในฐานะทายาทธุรกิจเราจะดูแลต่อและจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ”
ชารีฟ มูลทรัพย์ รับผิดชอบงานด้าน “ Food & Beverage - Mixologist” ทำงานตั้งแต่เริ่มเปิดโรงแรม รับผิดชอบงานดูแลการบริการด้านอาหาร ซึ่งห้องอาหารจะเป็นด่านแรกๆ ที่บริการแขก และรับรู้ถึงความต้องการของแขกที่มาพักโรงแรม
“ เมื่อเราพบปัญหา ก็จะนำมาปรึกษาหัวหน้าและญาติๆ ว่าจะสามารถพลิกแพลงเมนู หรือความต้องการของลูกค้าที่เรายังไม่มีได้อย่างไร หรือ นำเสนอในสิ่งที่จะมาทดแทนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจ ”
นิรุจน์ กาดีโรจน์ รับผิดชอบงานด้าน “ Food & Beverage – Mixologist” ดูแลเครื่องดื่มต่างๆ ในห้องอาหาร คอยดูแลเครื่องดื่มที่จะออกให้บริการลูกค้า และคิดเมนูเครื่องดื่มในแต่ละช่วงให้มีความแตกต่าง โดยเฉพาะการคิดค้นเครื่องดื่มชา กาแฟ ในส่วนของ Al Qahwa Coffee & Pastry Shop
“ เราชอบงานด้านบริการเครื่องดื่ม ซึ่งเคยมีประสบการร่วมลงทุนทำธุรกิจกาแฟ แต่วันนี้มีความตั้งใจจะมาช่วย และร่วมกันคิดเมนูทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละเชื้อชาติที่มาใช้บริการของโรงแรม ”
อัสมา มะลูลีม จบปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ จาก มอ.ปัตตานี แต่ก็เติมเต็มความรู้ ระดับปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ เอกบริหารัฐกิจ วันนี้เธอมานั่งทำงานในตำแหน่ง “ HR Supervisor บริหารงานบุคคล ” โดยเข้ามาร่วมงานกับโรงแรมอัลมีรอซ ตั้งแต่เริ่มต้น หรือ เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมา
“ เราให้ความสำคัญกับบุคลากร จะต้องดูแลในเรื่องของสวัสดิการ จัดเทรนนิ่งให้กับพนักงานในด้านต่างๆ รับฟังปัญหา และนำมาศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนตัวมีความตั้งใจว่า จะทำอย่างไรให้ ที่นี่เป็นองค์กรที่พนักงานทำงานกับเราแล้วมีความสุข บางครั้งเงินเดือนที่สูงอาจไม่สำคัญ ถ้าเรามีสวัสดิการที่ดี มีการดูแลที่ดีกับพนักงาน เขาก็ทำงานอย่างมีความสุขได้
ธเนศ มะลูลีม เนื่องจากเรียนมาทางด้านช่างกล จากมหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพฯ “ ดูแลในส่วนของงานซ่อมบำรุงและอาคารโรงแรม ” ดูแลความพร้อมให้ทุกอย่างใช้งานได้ตลอด
“ งานซ่อมบำรุง เป็นงานที่ท้าทาย เราจะต้องคอยดูแลให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอ ดูแลระบบต่างๆ เช่น น้ำประปา ไฟ รวมไปถึงตัวอาคารของโรงแรม เริ่มทำงานตั้งแต่เริ่มสร้างตึกใหม่ ทำให้เรามีประสบการณ์ อย่างไรก็ตามหัวใจของการทำงานก็คือทีมเวิร์ค ”
สุนิสา เลาะมะห์ ดูแลแผนกการเงินบัญชี ตำแหน่ง “ Chief General Cashier ” ดูแลในส่วนของการับและจ่ายเงินสด ทุกแผนกของโรงแรม ต้องดูต้นทุนรายจ่ายที่สำคัญๆ เช่นส่วนของอาหาร
“ ในฐานะคนดูแลด้านการเงิน เราก็ประสานงานกับทุกฝ่าย พูดคุยกันถึงความจำเป็น และความเหมาะสมในการจัดซื้อ ว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เพราะการบริหารต้นทุน คือ หัวใจของธุรกิจ ”
ก่อนปิดการสนทนากับ 10 ทายาทธุรกิจโรงแรมอัลมิรอซ เรายังได้เห็นมุมมองของแต่ละคนที่มุ่งมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรู้ถึงเจตนารมณ์ของคนรุ่นพ่อและรุ่นแม่ ส่งต่อมายังคนรุ่นลูก ซึ่งจะต้องรับไม้ต่อ สานต่อธุรกิจต่อไป บนพื้นฐานการสร้างความสามัคคี มุ่งหวังไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย
ขณะที่ทุกคนเห็นพ้องและมีมุมมองที่ตรงกันก็คือ ความหวงแหนธุรกิจโรงแรม อัลมีรอซ เพราะทุกคนคิดเหมือนกันว่า “…ที่นี่คือ..บ้านของเรา ”
ตีพมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2562