ฮัจย์เที่ยวบินแรก 289 คน กลับถึงประเทศไทยแล้วสนามบินนราธิวาส
สำนักข่าวอะลามี่ : คณะฮุจยาตชุดแรกจำนวน 289 คน เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วด้วยสายการบินไทยแบบเหมาลำ บินตรงจากมาดีนะห์ ถึงสนามบินนราธิวาส อย่างปลอดภัย ท่ามกลางการต้อนรับจากบรรดาญาติอย่างอบอุ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและตรวจสุขภาพคัดกรองทุกคนก่อนกลับภูมิลำเนา เผยปีนี้มีผู้เสียชีวิต 3 คน จากทั้งหมด 8,462 คน
วันนี้ (18 สิงหาคม 2562) ที่ ท่าอากาศยานราธิวาส จังหวัดนราธิวาส นายธรรมรงค์ คงวัดใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้แทนจากกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจการพิเศษ ศอ.บต. หัวหน้าส่วนราชการ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับคณะฮุจยาตชาวไทย จำนวน 289 คน
ตามโครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เดินไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นในเที่ยวบินแรกของสนามบินนราธิวาส ด้วยสายการบินไทยในเที่ยวบินพิเศษแบบเช่าเหมาลำ เที่ยวบิน TG 8801 ที่บินตรงจากสนามบินมาดีนะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย มุ่งหน้าลงสู่สนามบินนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
ซึ่งบรรยากาศในการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่น มีครอบครัวของคณะฮุจญาตที่เดินทางมาจากทั้งในและนอกพื้นที่ต่างมารอรับกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งฮุจญาตทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ที่ได้เดินทางกลับมาตุภูมิ โดยสวัสดิภาพ และในปีนี้มีชาวไทยที่เสียชีวิตในระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์จำนวน 3 คน ซึ่งอยู่พื้นที่จังหวัดปัตตานี สตูล และจังหวัดยะลา
ทั้งนี้ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ตั้งเต็นท์ตรวจคัดกรองโรค รวมถึงเช็คสุขภาพโดยทั่วไปให้แก่คณะฮุจญาต ที่เดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจย์ โดยมีการสอบถามอาการเบื้องต้น และ วัดอุณหภูมิร่างกายของฮุจญาต หากพบโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือ โรคเมอร์ส จะมีการคัดแยกกลุ่มผู้แสวงบุญเพื่อตรวจดูอาการอย่างละเอียด พร้อมทั้งเก็บสารคัดหลั่ง เพื่อตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม และจะนำตัวผู้ที่มีอาการป่วยดังกล่าวไปตรวจและรักษาต่อไป
นายอาหามะ ลีเฮง หนึ่งในฮุจญาตที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ตามโครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ศอ.บต. เปิดเผยถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า มีความปลื้มปิติ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการไปประกอบพิธีฮัจย์
“ วันนี้ก็รู้สึกดีใจที่ได้กลับสู่ภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย โดยก่อนการเดินทางผมได้เตรียมความพร้อมทุกอย่าง ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจที่แข็งแรง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ เมืองเมกกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ประกอบพิธีฮัจย์อย่างสมบูรณ์แบบในขอบเขตที่มีอยู่ “
นายอาหามะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนได้มีโอกาสช่วยเหลือฮุจญาตต่างประเทศในหลายๆ เรื่อง ทำให้ฮุจญาตชาวต่างประเทศเกิดความประทับใจ ที่เราซึ่งเป็นคนไทยมีน้ำใจ ช่วยเหลือ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้
“ สำหรับความรู้ที่ผมได้รับจากการไปประกอบพิธีฮัจย์ ผมจะนำไปที่เผยแพร่ให้กับพี่น้องในพื้นที่ได้รับทราบและปฏิบัติตามหลักปรัชญาของการประกอบพิธีฮัจย์ เนื่องจากเราอยู่ท่ามกลางสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติศาสนา แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้หากเรามีความสามัคคี และไม่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก สุดท้ายนี้ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับฮุจญาตได้มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจย์อย่างที่มุสลิมทุกคนหวังไว้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ”
อย่างไรก็ตาม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มีการคัดเลือกบุคคลที่ทำประโยชน์ และคุณงามความดีให้แก่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2562 จำนวน 140 คน ซึ่งมีผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 8,462 คน โดยเป็นผู้แสวงบุญจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 2,601 คน และหลังจากนี้คณะฮุจญาตที่เดินทางไปประกอบฮัจย์ จะทยอยเดินทางกลับสู่ประเทศไทยทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2562 ไปจนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป