สำนักข่าวอะลามี่: ชื่อของ อันวาร์ อิบราฮิม นักการเมืองแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น้อยคนนักที่สนใจการเมืองมาเลเซียจะไม่รู้จัก เป็นนักการเมืองที่มีเส้นทางชีวิตขึ้นลงตามสถานการณ์การเมือง
กล่าวกันว่า..เส้นทางทางการเมืองของ อันวาร์ อิบราฮิม ถูกสร้างขึ้นโดย ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด เสือเฒ่าที่เต็มด้วยพิษสงแห่งมาเลเซีย ในขณะที่ มหาเดร์ โมฮัมหมัด เป็นประธานพรรคอัมโน ในช่วงปี 1982
เพราะเพียงเหตุผลที่ว่า ดร.มหาเดร์ ต้องการสกัดกั้นอิทธิพลของ สุไฮมี กามารุดดิน ผู้เป็นประธานฝ่ายเยาวชนของพรรคอัมโน ในขณะเดียวกันเป็นประธานขององค์การเยาวชน 4 บี ซึ่งเป็นองค์กรเยาวชนที่ทรงพลังเฉกเช่นเดียวกันกับองค์การเยาวชนอิสลามมาเลเซีย หรือ ABIM ที่มี อันวาร์ อิบราฮิม เป็นผู้นำ
ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด จึงดึง อันวาร์ อิบราฮิม มาเข้าพรรคอัมโน โดยสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเปอร์มาตังปาอุห์ รัฐปีนัง จนได้รับชนะ และสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานฝ่ายเยาวชนพรรคอัมโนแข่งกับ สุไฮมี กามารุดดิน จนได้รับชัยชนะ และได้รับเลือกรัฐมนตรีช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สองปีต่อมาได้รับเลือกเป็น รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนและการกีฬา นับแต่นั้น เส้นทางทางการเมืองขึ้นสูงชนิดไม่มีใครสกัดกั้นได้ ในระยะเวลาเพียง 10 ปี ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตร กระทรวงการศึกษา กระทรวงการคลัง จนถึงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี
เส้นทางการเมืองมีขึ้น แล้วย่อมมีลง ครั้งเหตุวิกฤติทางเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง อันวาร์ ซะอารี เลขานุการส่วนตัวของอันวาร์ อิบราฮิม กล่าวว่า ..อันวาร์ อิบราฮิม ต้องการขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินนานาชาติ หรือ IMF แต่ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด มีวิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ได้พิสูจน์แล้วว่า วิธีการของ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด ถูกต้อง
เมื่อเกิดความขัดแย้งกับ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด จนถูกปลดออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรองประธานพรรคอัมโน เมื่อ 2 กันยายน 1998 ด้วยข้อกล่าวหาใช้อำนาจผิดกฎหมาย และมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน
ในปี 1999 ถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี ข้อหาใช้อำนาจผิดกฎหมาย ในปี 2000 ศาลตัดสินจำคุก 9 ปี ในข้อหา มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2004 ศาลสูงมาเลเซีย ได้ยกฟ้องในข้อหามีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน ดังนั้น อันวาร์ อิบราฮิม จึงถูกปล่อยตัวออกมา แต่ในเวลาต่อมา ในเดือนกรกฎาคม 2008 และ 9 มกราคม 2012 อันวาร์ อิบราฮิม ถูกจับอีกครั้ง ในข้อหา มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันกับผู้ช่วยส่วนตัวของตัวเอง เป็นข้อหามีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันเป็นครั้งที่สองของเขา แต่สุดท้าย ศาลกัวลาลัมเปอร์ ก็ได้ยกฟ้อง อันวาร์ อิบราฮิม
เมื่อ 26 สิงหาคม 2008 หลังจากที่ อันวาร์ อิบราฮิม ชนะเลือกตั้งซ่อมที่เขตเปอร์มาตังปาอุห์ รัฐปีนัง ได้กลับต่อสู่ในรัฐสภา โดยได้รับเลือกเป็น ผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา
ต่อมา ศาลสูงได้ตัดสินจำคุก 5 ปี ใน ข้อหามีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันครั้งที่สอง โดย อันวาร์ อิบราฮิม รับโทษอีกครั้ง ในปี 2015
เส้นทางชีวิตและวิบากกรรม ของ อันวาร์ อิบราฮีม ต้องเผชิญหลายรอบหลายเวลาในรอบหลายปีที่ผ่านมา
แต่ ภายหลังจากพรรคแนวร่วมแห่งความหวังภายใต้การนำของ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 14 เมื่อ 9 พฤษภาคม 2018
และในการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคแนวร่วมแห่งความหวัง ประกอบด้วยพรรคชนพื้นเมืองสามัคคีแห่งมาเลเซีย ของ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด พรรคความยุติธรรมของประชาชน ภายใต้การนำของ วันอาซีซะห์ วันอิสมาแอล ภรรยา อันวาร์ อิบราฮิม พรรคกิจประชาธิปไตยของ นายลิม กิต เซียง และพรรค PAN (Parti Amanah Negara) ที่แตกออกมาจากพรรคอิสลามมาเลเซีย ได้ทำสัญญาว่า “ เมื่อชนะรับเลือกตั้งแล้ว ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด จะเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงแรกของวาระ พอช่วงหลังของวาระก็มอบตำแหน่งให้ อันวาร์ อิบราฮิม ..”
สิ่งแรกที่ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีทำคือ เสนอให้ พระราชาธิบดีมาเลเซีย อภัยโทษให้แก่ อันวาร์ อิบราฮิม การเตรียมสู่อำนาจของ อันวาร์ อิบราฮิม คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตอำเภอพอร์ตดิคซัน รัฐนัครีซัมบีลัน สังกัดพรรคความยุติธรรม ของประชาชน โดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหลีกทางให้ อันวาร์ อิบราฮิม สู่สภา
เหตุที่เลือกเขตในรัฐนัครีซัมบีลัน เพราะรัฐนี้ มีมุขมนตรีสังกัดพรรคความยุติธรรมของประชาชน และ อันวาร์ อิบราฮิม ลงสมัครเป็น ส.ส. เขตอำเภอพอร์ตดิคซัน รัฐนัครีซัมบีลัน ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2018
รัฐบาลของ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด อยู่ในอำนาจได้เกือบหนึ่งปี แต่สิ่งที่สัญญากับประชาชนตอนเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นสัญญาที่บางคนเรียกว่า สัญญาเพ้อฝัน บางคนเรียกว่า สัญญาหลอกผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง ทำให้คะแนนนิยม ของ มหาเดร์ โมฮัมหมัด ลดลง ซึ่งเขากล่าวยอมรับว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ของเขา แทบไม่มีอำนาจ ไม่เหมือนการเป็นนายกรัฐมนตรี คราวก่อน
ในการเลือกตั้งซ่อม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐของรัฐสลังงอร์ ซึ่ง รัฐสลังงอร์ เป็นรัฐภายใต้การปกครองของพรรคความยุติธรรมของประชาชน โดยการเลือกตั้งซ่อมสามครั้งแรก ปรากฏว่า เมื่อ 4 สิงหาคม 2019 เป็นการเลือกตั้งซ่อมที่เขตสุไหงกันดิส รัฐสลังงอร์ พรรคความยุติธรรมของประชาชน เป็นผู้ชนะเลือกตั้งเหนือพรรคอัมโน
ต่อมาเมื่อ 8 กันยายน 2018 มีการเลือกตั้งซ่อมอีก ที่เขตสรีเซอเตีย รัฐสลังงอร์ ผู้สมัครจากพรรคความยุติธรรมประชาชน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง และเขตบาลากง รัฐสลังงอร์ ก็ปรากฏว่า พรรคกิจประชาธิปไตย ที่รวมอยู่ในพรรคแนวร่วมแห่งความหวัง เป็นผู้ชนะเหนือผู้สมัครจากพรรคสมาคมจีนมาเลเซีย
ที่น่าสนใจคือ การเลือกตั้งในเขตสรีเซอเตีย ฝ่ายค้านได้ส่งผู้สมัครจากพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือ พรรคปาส โดยที่ทางพรรคอัมโน ได้ช่วยหาเสียงให้เต็มที่ ทำให้สมาชิกของทั้งสองพรรคเริ่มมีความร่วมมือขึ้น
ต่อมาเมื่อ 29 มกราคม 2019 มีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เขตเคเมรอนไฮแลนด์ รัฐปาหัง ผู้สมัครจากพรรคอัมโน ชนะการเลือกตั้งเหนือผู้สมัครจากพรรคกิจประชาธิปไตย นั้นเป็นอีกจุดหนึ่งของการร่วมมือกันระหว่างสองพรรคมลายู ที่เคยเป็นศัตรูต่อกัน
ต่อมาพรรคแนวร่วมแห่งความหวัง พบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งที่สอง เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐของรัฐสลังงอร์ ที่เขตเซอเมอเญะห์ รัฐที่มีพรรคความยุติธรรมประชาชน ของ อันวาร์ อิบราฮิม เป็นแกนกลางรัฐบาลท้องถิ่น และควบคุมกลไก หน่วยงานของรัฐท้องถิ่น ประสานกับกลไกจากรัฐบาลสหพันธรัฐ แต่ผลการเลือกตั้ง ผู้สมัครจากพรรคอัมโน ได้รับชัยชนะเหนือผู้สมัครจากพรรคชนพื้นเมืองสามัคคีแห่งมาเลเซีย
มูฮัมหมัดนัซรี มูฮัมหมัดนอร์ อาจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างพรรคอัมโนกับพรรคปาส ทำให้ผู้ลงคะแนนมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตที่มีชาวมลายูเป็นชนกลุ่มใหญ่ การเลือกตั้งซ่อมนำชัยชนะสู่พรรคอัมโน
นอกจากนั้นการที่เรียกว่า มาเลเซียใหม่ ที่พรรคแนวร่วมแห่งความหวัง สร้างขึ้นมา ยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำตามนโนบายที่สัญญาไว้ แถมบางสัญญา นอกจากยังทำไม่ได้แล้ว ยังสร้างความผิดหวังให้กับผู้ลงคะแนนที่ฝันไว้ตามสัญญา
ในวันที่ 13 เมษายน 2562 มีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐนัครีซัมบีลัน โดย มูฮัมหมัด ฮัสซัน รองประธานพรรคอัมโน รักษาการประธานพรรคอัมโน ได้สมัครรับเลือกตั้งแข่งกับผู้สมัครชาวอินเดีย จากพรรคความยุติธรรมของประชาชน
วันนี้ กำลังสะท้อนภาพ รัฐบาลมหาเดร์ โมฮัมหมัด อยู่ในช่วงขาลง ขณะที่ ความร่วมมือระหว่างพรรคอัมโนกับพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย มีความแน่นแฟ้นมากขึ้น
อิสมาแอล ซับรี ยะกู๊บ ผู้ช่วยประธานพรรคอัมโน และหัวหน้าฝ่ายค้านในรัฐสภามาเลเซีย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างพรรคอัมโนกับพรรคปาส จะเป็นการฟื้นอำนาจของชาวมลายูกลับมาอีกครั้ง และจะทำให้ชาวมลายู ได้รับประโยชน์ในระยะยาว นอกจากนั้นความร่วมมือนี้ไม่เพียงครอบคลุมระหว่างชาวมลายูเท่านั้น แต่รวมถึงชนทุกเชื้อชาติในประเทศมาเลเซีย
ล่าสุดมีกระแสความขุ่นหมองระหว่างค่าย ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด กับค่าย อันวาร์ อิบราฮิม คือ นูรุลอิซซะห์ บุตรสาวของ อันวาร อิบราฮิม ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคความยุติธรรมของประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ เดอะสเตรทส์ไทมส์ ของสิงคโปร์ โดยได้วิจารณ์ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด ว่า เป็นอดีตเผด็จการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และมีการแย่งชิงอำนาจระหว่างกันภายในรัฐบาลแนวร่วมแห่งความหวัง
แม้ว่าโดยภาพภายนอกยังเห็นถึงความสนิทสนมระหว่างกันของ อันวาร์ อิบราฮิม กับมหาเดร์ โมฮัมหมัด
รศ.ดร. การตีนี อาบูตาลิบ อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย กล่าวว่า การที่ นูรุลอิซซะห เรียกมหาเดร์ โมฮัมหมัด ว่า อดีตเผด็จการ ทำให้เกิดความขุ่นหมองระหว่างทั้งสองค่าย และสิ่งที่อาจได้เห็น คือ อันวาร์ อิบราฮิม อาจไม่สามารถสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของประเทศมาเลเซีย
นอกจากนั้น ดร. โมฮัมหมัด อาบูบาการ์ แห่งมหาวิทยาลัยมาลายา กล่าวว่า จากกรณีของ นูรุลอิซซะห์ ไม่เพียงจะเห็นถึงความขัดแย้งระหว่างกลุ่มภายในพรรคความยุติธรรมของประชาชน เท่านั้น แต่เห็นถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างภายในรัฐบาลแนวร่วมแห่งความหวังอีกด้วย
ในช่วงการเลือกตั้งซ่อมที่เขตเซอเมอเญะห์ มีการปล่อยข่าวว่า อับดุลฮาดี อาวัง ได้สัญญากับ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ว่าให้สมาชิกพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย สนับสนุนผู้สมัครจากพรรคของ ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด แต่ประธานพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย แห่งรัฐสลังงอร์ ที่ได้ลงพื้นที่หาเสียงให้พรรคอัมโน ว่า ไม่ได้เป็นดังที่กล่าวหากัน มีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรจริง แต่เป็นสัญญาว่า พรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย จะสนับสนุน ดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
เสียงจากพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย สอดรับกับจาก พรรคอัมโน โดย มูฮัมหมัด ฮัสซัน รองประธานพรรคอัมโน รักษาการหัวหน้าพรรคอัมโน ก็กล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็น เกิดเหตุการณ์ใดๆ ทางพรรคอัมโน พร้อมสนับสนุน มหาเดร์ โมฮัมหมัด เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
สิ่งที่กล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า เสือเฒ่าอย่าง มหาเดร์ โมฮัมหมัด ย่อมไม่ธรรมดา นอกจากคุมความลับบางอย่างของ อันวาร์ อิบราฮิม แล้ว ย่อมไม่อาจไว้วางใจได้
วันนี้สถานการณ์เส้นทางสู่นายกรัฐมนตรีของ อันวาร์ อิบราฮิม ไม่เพียงไม่ราบรื่นเท่านั้น แต่อาจไปไม่ถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ก็เป็นได้
คำว่า ...ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ก็ยังคงใช้ได้กับการเมืองมาเลเซีย ในปัจจุบัน