รายงานจากพื้นที่: จับตา“สลัดแม่น้ำโขง”แปรสภาพปล้นเรือขนยา
โดย : ชินภัทร์ ไชยมล
สำนักข่าวอะลามี่: 3ชาติลุ่มน้ำโขง ไทย ลาว พม่า ประสานความร่วมมือในการพิทักษ์น่านน้ำร่วมกัน บริเวณเหนือสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน หลังจากกลุ่มโจรสลัดแม่น้ำโขง จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธทางเรือ เคลื่อนไหวถี่ยิบ เรียกรับ "ส่วย"ยาบ้า จากกลุ่มขบวนการค้าข้ามชาติ
การบุกตรวจและยึดเรือสินค้าจีน ในแม่น้ำโขงได้ 2 ลำ บริเวณริมฝั่งบ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ของเจ้าหน้าที่ ไทย พร้อมยึดของกลางเป็นยาบ้าบนเรือได้เป็นจำนวนมาก หลังจากการปะทะของเจ้าหน้าที่กับกลุ่มกองกลำงัติดอาวุธบนลำน้ำโขงเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้เห็นปรากฏการของขบวนากรค้ายาเสพาติด ที่พัฒนาขึ้น
พล.ต.ปราการ ชลยุทธ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง บอกว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ กองกำลังผาเมืองได้รับแจ้งข่าวว่า ขบวนการค้ายาเสพติดมีความพยายามจะนำยาบ้าเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว จึงได้บูรณาทุกหน่วยในการออกลาดตระเวณป้องกัน
กระทั่งต่อมาได้ทราบว่ามีกลุ่มอาวุธ "โจรสลัดน้ำจืด" ซึ่งการข่าวระบุว่า คือกลุ่มนายหน่อคำ ที่ออกอาระวาดเก็บค่าคุ้มครองและค้ายาเสพติดแถบสามเหลี่ยมทองคำ ได้ใช้กำลังเข้ายึดเรือสินค้าจีนทั้ง 2 ลำ ได้บริเวณบ้านสามพู จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงกันข้ามบ้านสินใจ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ไปทางทิศเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร
ทำให้ นรข.ได้เฝ้าติดตามข่าวและเตรียมการรองรับปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ต่อมาได้พบเรือทั้ง 2 ลำถูกขับแล่นเข้าเขตน่านน้ำไทย-สปป.ลาว กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุบ้านสบรวกเรือเสียการทรงตัว เจ้าหน้าที่ นรข.ที่ตรวจตราด้วยเรือเร็วจึงได้เข้าควบคุมเรือก็ปรากฎพบคนเสียชีวิตบนเรือ ส่วนคนอื่นๆ ทั้งคนเรือและกลุ่มขบวนการติดอาวุธที่เหลือต่างพากันกระโดดน้ำหนีรวมทั้งมีเรือเร็วหางยาวแล่นเข้าเทียบ ก่อนพากลุ่มคนดังกล่าวหลบหนีไปได้
จากการตรวจสอบบนเรือพบเป็นเรือสินค้าจีนชื่อ Hua Ping บรรทุกกระเทียมและแอปเปิ้ล มียาบ้าจำนวน 3 กระสอบรวม 520,000 เม็ด และเรือ Yu Xing 8 Hao บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงพบยาบ้าจำนวน 1 กล่อง รวมจำนวน 400,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด 920,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยุ่ระหว่างตรวจสอบว่าเครือข่ายยาบ้าดังกล่าวเป็นใครอย่างไรบ้าง รวมทั้งเร่งประสานกับทางการจีน พม่า และ สปป.ลาว เพื่อป้องกันและปราบปรามกลุ่มติดอาวุธที่กระทำผิดลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายต่อไป
"ที่ผ่านมาทางการพม่าและ สปป.ลาว ได้ร่วมมือกันปราบปรามกลุ่มโจรสลัดน้ำจืด ที่ออกอาระวาดอย่างหนัก แต่ยังคงไม่หมดจึงก่อเหตุดังกล่าว” พล.ต.ปราการ กล่าวและว่า
ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นการยึดเรือสินค้าจีนมาก่อนจากนั้นกลุ่มติดอาวุธจึงนำยาบ้าไปบรรทุกบนเรือเพื่อจะลักลอบนำเข้าไทยต่อไป ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทางการไทยสามารถตรวจยึดยาบ้าบนเรือจีนได้ จึงจะมีการประชุมทุกหน่วยและรับทราบนโยบายแนวทางจากหน่วยเหนือต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) กล่าวว่ายาบ้าที่พบเป็นยาบ้าที่มีลักษณะใหม่ โดยเป็นสีเข้มและคม เป็นรุ่นยาบ้าหางยาว ที่พบมานานแล้วแต่น่าจะเป็นชุดใหม่ที่พึ่งผลิตจากกลุ่ม UWSA เมืองปางซาง เขตว้าตอนเหนือ ส่วนจะเป็นของเครือข่ายกลุ่มใด จะทำการตรวจสอบต่อไป
ด้าน นายสุขุม โอภาสนิพัทธ์ รองเลขาธิการ ปปส กล่าวว่า ทางการจีนยืนยันให้ไทยดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่พม่าและ สปป.ลาว ก็มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อปราบปรามกลุ่มกระทำผิดลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งนี้ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 4 ชาติคือไทย พม่า สปป.ลาว และ จีน จะมีการประชุมกันปีละ 2-3 ครั้ง ซึ่งจะได้มีการนำปัญหาเรื่องการควบคุมกลุ่มโจรสลัดแม่น้ำโขงดังกล่าวเข้าไปหารือเพื่อออกมาตรการที่เข้มข้นร่วมกันต่อไป.
มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ กรมเจ้าท่า มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน ในฐานะรองหัวหน้าคณะกรรมการประสานการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (The Joint Committee on Coordination of Commercial Navigation ;JCCN) ซึ่งมีสมาชิกเป็นกรมเจ้าท่าประเทศจากประเทศพม่า สปป.ลาว และไทย ได้ทำหนังสือแจ้งประเทศสมาชิกช่วยบริหารจัดการและเฝ้าระวังแก่การเดินเรือสินค้าในแม่น้ำโขง ตามเส้นทางจากจีนตอนใต้ผ่าน สปป.ลาว-พม่า จนมาถึงท่าเรือในแม่น้ำโขงของประเทศไทย เพื่อช่วยกันป้องกันปัญหาเรื่องโจรสลัด อันจะเป็นการร่วมกันพัฒนาการเดินเรือในแม่น้ำโขงต่อไป
สำหรับข้อมูลของกลุ่ม นายหน่อคำ ได้ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นกลุ่มโจรสลัดกลุ่มใหญ่ในแม่น้ำโขง นั้นพบว่าเป็น กองกำลังชาวไทใหญ่ อดีตแนวร่วมสำคัญของกลุ่ม MTA ของ “ขุนส่า” ราชายาเสพติดในอดีต ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการ 3ประเทศ(ลาว-พม่า -ไทย) ได้ร่วมกันกวาด แต่ก็ยังไม่สามารถกวาดล้างกองกำลังกลุ่มนี้ได้อย่างเด็ดขาด