ปีที่40ชัยชนะการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
: อุดมการณ์กับการยืนหยัดและการท้าทาย (ตอนจบ)
โดย ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ผู้อำนวยการศูนย์อิหร่านศึกษาและภาษาเปอร์เซีย
สำนักข่าวอะลามี่ : ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ.1979 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของอิหร่าน คือ ชัยชนะของการปฏิวัติ หรือเรียกว่า การปฏิวัติอิหร่าน
การปฏิวัติอิสลาม หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งคือการปฏิวัติ ค.ศ. 1979 หมายถึง เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการโค่นราชวงศ์ปาห์ลาวี ภายใต้ พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา โดยการแทนที่ด้วยการปกครองแบบสาธารณรัฐอิสลาม ภายใต้ผู้นำปฏิวัติ อายาตุลลอฮ รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การฝ่ายซ้ายและองค์กรอิสลาม สถาบันศาสนา นักบวช นักวิชาการ และขบวนการนักศึกษาชาวอิหร่าน
หลังจากที่อิหร่าน ได้ผ่านการกดดัน และการท้าทายอย่างหนักหน่วงนั้นทั้งสงครามแปดปีกับอิรักและการมีมาตรการคว้ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจ อิหร่านก็ได้เริ่มกระบวนการสร้างชาติใหม่ ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง และจากบรรดาความพยายาม ที่ต้องการส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอิหร่าน
อย่างไรก็ดี มาจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก กลยุทธ์ที่ชัดเจนและเด็ดเดี่ยวในการกดดันทางการเมือง ดูเหมือนจะถูกนำไปใช้กับการสร้างเนื้อสร้างตัวของอิหร่านอย่างเต็มกำลัง และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ความตึงเครียด ระหว่างอิหร่าน และประเทศตะวันตกก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อิหร่านได้สร้างปรากฏการณ์ช็อกโลก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สาธารณอิสลามได้กลายเป็นประเทศที่สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและอิสรภาพของตน ทั้งยังสามารถโอบอุ้มบรรยากาศทางเศรษฐกิจและสังคมให้อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ ถึงแม้ว่าจะเกิดปัญหาภายในอยู่บ้าง และการถอดถอน สถานทูตสหรัฐอเมริกา และการไม่มีความสัมพันธ์กับประเทสอิสราเอล เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง จากความห้าวหาญของอิหร่าน ในสายตาของนานาชาติ
สาธารณรัฐอิสลาม มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด โดยนับจากปี 1980 จนถึงปี 2012 ค่าดัชนีการพัฒนามนุษย์ของอิหร่าน (HDI) ซึ่งคำนึงวัดจาก 3 ด้าน ด้านสุขภาพ (วัดจาก Life Expectancy หรืออายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากร) ด้านการศึกษา (วัดจาก Adult Literacy rate หรืออัตราการอ่านออกเขียนได้ และ การเข้าชั้นเรียนโดยเฉลี่ย) และสุดท้ายด้านเศรษฐกิจ (วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือ GDP) มีการเติบโตขึ้นเพิ่มกว่าร้อยละ 67 ทั้งนี้ยังเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2555 หรือ เมื่อ7 ปีที่แล้ว มูลค่าดัชนีการพัฒนามนุษย์ของอิหร่านอยู่ที่ 0.742 ทำให้ประเทศนี้ถูกจัดอยู่ในประเภท “ประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์สูง” การเข้าถึงไฟฟ้าและน้ำประปาในชนบท อายุขัยโดยเฉลี่ย การเสียชีวิตของทารก และการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของประชาชน มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อัตราการรู้หนังสือ ซึ่งเคยอยู่ที่ร้อยละ 36 เมื่อปี พ. ศ. 2519 โดยจากตัวเลขดังกล่าว ยังระบุว่า มีเพียงร้อยละ 25 เป็นเพศหญิง
ในวันนี้ตัวเลขเปลี่ยนค่า คิดเป็นร้อยละ 99 จากประชากรเพศชายและหญิงอายุระหว่าง 15-24 ปี นอกจากนี้ การศึกษาระดับอุดมศึกษาซึ่งปรากฏว่าไม่เคยมีการเข้าเรียนโดยนักศึกษาและประชาชนชาวอิหร่านมาก่อน มีตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จำนวนกว่า 2 ล้านคน เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และในจำนวนนี้ มีมากกว่าร้อยละ 60 เป็นนักศึกษาเพศหญิง
ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ของอิหร่านก็ไม่น้อยหน้าชาติอื่นๆ สาธารณรัฐอิสลาม ที่เคยถูกนักวิชาการหลายฝ่ายสบประมาทว่าเป็นการปกครองที่ล้าหลัง ในวันนี้ สามารถควบคุมวงจรนิวเคลียร์ได้ภายในประเทศ และจัดอยู่ในประเทศอันดับต้น ๆ ของ 10 ประเทศที่ทำการวิจัยด้าน Stem Cell และโคลนนิ่ง
อิหร่านยังเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศชั้นนำด้านนาโนเทคโนโลยี เคมี วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ เป็นอันดับเก้าของโลก ในประเทศที่มีโครงการอวกาศเต็มรูปแบบ ซึ่งประสบความสำเร็จในการติดตั้งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจร และเป็นผู้ผลิต การปลูกถ่ายอวัยวะดวงตา รายแรกของโลก
สุดท้ายและย่อมไม่ท้ายสุด อย่างน้อย อิหร่านในวันนี้ก็มีความสามารถพอเพียง ในการสร้างเรือดำน้ำ เฮลิคอปเตอร์เครื่องบินรบ ขีปนาวุธและรถถัง ด้วยตนเอง โดยไม่ขอพึ่งพาไปยังชาติอื่นๆ (www.abnewstoday.com)
แท้จริงการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เป็นการปฏิวัติของนักการศาสนา นักบวช และถือว่าเป็นการปฏิวัติของนักเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างแท้จริง อิหร่านหลังการปฏิวัตินั้น นำประเทศสู่การมีเกียรติ เป็นการปฏิวัติในมุมของนักต่อสู้เพื่อกอบกู้คุณธรรม และสิทธิมนุษยชนและความเป็นอิสระชนและเสรีชนอย่างแท้จริง คือ การสถาปนาความยุติธรรม กอบกู้ศักดิ์ศรีและสิทธิของประชาชน เหนือผู้ปกครองที่กดขี่ มากน้อยเพียงใด อย่างน้อย ท่านอาจได้มุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับการปฏิวัติโลกด้วยธรรมะ เพื่อนำมนุษย์ไปสู่การเคารพภักดีพระเจ้า และออกห่างจากอำนาจกดขี่ นั่นได้มีนิยามความหมายทั้งทางโลก และทางธรรมของมันว่าอย่างไรบ้าง(อ้างอิงข้อมูลจากSeyed Hossein Mousavianผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและนโยบายนิวเคลียร์ของอิหร่าน www.abnewstoday.com)
ดังนั้นสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้สถาปนาขึ้นมา โดยโครงสร้างนั้นตั้งอยู่บนกรอบแนวคิดแบบปรัชญาการเมืองอิสลามและตามกรอบแนวคิดอิสลามตั้งอยู่บนอัลกุรอานและซุนนะฮ์ และตามวิถีทางแห่งทางนำจากอะฮ์ลุลบัยต์ศาสดา เพื่อให้โลกวันนี้เห็นว่า แท้จริงการมีอยู่ของรัฐอิสลามคือคุณูปการที่จะนำความสันติสุขมาสู่ประชาชนและสร้างสันติภาพแก่ชาวโลกทั้งผอง และไม่ได้เป็นรัฐที่เกิดขึ้นมาเป็นภัยคุกคามต่อนานาประเทศหรือต่อประชาคมโลกแต่ประการใด
สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้มีอุดมการณ์อย่างแน่วแน่ที่จะทำให้โลกใบนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและห่างไกลจากการกดขี่ ทว่าการจะไปถึงเป้าหมายของรัฐอิสลามแบบสาธารณรัฐอิสลามที่อิหร่านได้เลือกนำมาเป็นหลักการปกครองนั้น ต้องผ่านบททดสอบ และผ่านการท้าทายอย่างหนักหน่วงทีเดียว แต่นั่นแหละคือ”การพิสูจน์ตัวเอง”ในการก้าวเดินต่อไป