ดร.ชลธรณ์ เยาวพันธ์กุล
ปั้นแบรนด์ Queen Titi จากทองคำ สู่ นวัตกรรมความงาม
โดย วรัญญา พุ่มเพ็ชร
สำนักข่าวอะลามี่: “ ดร.ชลธรณ์ เยาวพันธ์กุล ” นักธุรกิจจากชายแดนใต้ ที่ประสบความสำเร็จธุรกิจแบรนด์สร้างชื่อให้ภาคใต้ “ ส้มโชกุนเบตง ” วันนี้ เธอแตกไลน์สูธุรกิจความงาม
“ ดร.ชลธรณ์ ” หรือ คอดีเยาะห์ เยาวพันธ์กุล (นามสกุลเดิม สุมาลี) ประธานกรรมการ บริษัท ภูตะวัน อินเตอร์เนชัลแนล เทรดดิ้ง จำกัด ( Phutawan International Trading ) นักธุรกิจสตรีมุสลิมจากจังหวัดสงขลา จบระดับปริญญาเอก ดุษฎีบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจเอกการจัดการ ให้สัมภาษณ์ นิตยสาร ดิ อะลามี่ ถึงเส้นทางชีวิตก่อนจะมาถึงวันนี้ว่า หลังจากจบคณะวิทยาศาสตร์ เอกเทคโนโลยียาง (ระดับอนุปริญญาตรี)ได้ตัดสินใจบริษัทดิสโตน ซึ่งเป็นผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เนื่องจากสภาพครอบครัวในขณะนั้นอยู่ในภาวะจำเป็น ประกอบกับคุณแม่ต้องเลี้ยงดูลูกๆถึงสามคน หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตในขณะที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งเท่านั้น
“ตอนนั้นเงินเดือนที่ได้รับว่าไปแล้วสูงกว่าระดับปริญญาตรี ทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็ได้ลาออกจากกลับมาทำงานทางภาคใต้ เพื่อให้ได้อยู่ใกล้คุณแม่มากขึ้น และได้เข้าทำงานที่ บริษัทแพนรับเบอร์ อินดัสทรี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยางแท่งส่งออก แห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ที่นี่ได้รับความเมตตาและให้โอกาสจากครอบครัวของเจ้าของบริษัท เป็นอย่างสูง ตนทำงานอยู่ที่นั้นประมาณ 3 ปี”
หลังจากแต่งงาน จึงคิดที่จะมีธุรกิจที่เป็นของตัวเอง ด้วยสามีเป็นคนท้องถิ่นอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประกอบกับที่เบตง มีผลไม้ขึ้นชื่อ นั่นคือ ส้มโชกุน แต่คนส่วนใหญ่จะเรียก ส้มโชกุนยะลา ด้วยเป็นคนชอบครีเอทีพ จึงคิดตั้งชื่อ โดยอิงความเป็นท้องถิ่น นำของดีจากท้องถิ่นสู่ผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของคำว่า“ ส้มโชกุนเบตง ” ที่ใช้เรียกกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันธุรกิจ ส้มโชกุนเบตง ของเธอยังคงดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่เปลี่ยนจากเป็นผู้ค้าส่งเอง กลายเป็น Supplie ให้กับพ่อค้าจากในพื้นที่ และต่างจังหวัด รวมถึงส่งไปประเทศเพื่อนมบ้านมาเลเซีย อีกด้วย
“ โชกุนเบตง เป็นชื่อที่เราคิดกัน ณ ตอนนั้น ส้มเบตง มีความเป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งเราต้องการที่จะสร้างชื่อให้กับบ้านเกิดด้วย จึงบอกกับลูกค้าว่า เราไปส่งส้มให้ขายแต่ขอใช้ชื่อ คำว่า “ โชกุนเบตง ” โดยเราคัดแต่สินค้ามีคุณภาพทำให้ลูกค้าพอใจและติดใจในรสชาติ จึงได้รับการยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้ ”
ดร.ชลธรณ์ กล่าวอีกว่า หลังจากประสบความสำเร็จ จึงได้จัดตั้ง“ บริษัท ภูตะวัน อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง จำกัด ” ดำเนินธุรกิจค้าส่ง “ ส้มโชกุนเบตง ภูตะวัน” นอกจากนี้บริษัทฯ ยังจัดจำหน่าย“ น้ำแร่ธรรมชาติ ภูตะวัน” ซึ่งเป็นน้ำแร่กระแสเย็น ไม่มีกำมะถันเจือปน นอกจากจะขายส่งแล้วยังรับผลิต (Supplie) ให้กับหน่วยงานต่างๆ อาทิเช่น โรงแรม, โรงเรียน ร้านอาหารและองค์กรต่างๆ
ในการทำธุรกิจของเธอ ที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือและความเมตตา จากทั้งทางครอบครัวสามีและครอบครัวพี่ๆของเธอเอง และท่านหนึ่งที่เธอบอกว่าจะต้องระลึกถึงเสมอคือ คุณ สิทธิเดช ท้วมประถม กรรมการผู้จัดการ บริษัท T.G.Control Co.,Ltd. (พี่เขย) ซึ่งเปรียบเสมือนอาจารย์ทางธุรกิจ ที่คอยให้คำปรึกษา แนะนำ ตักเตือนและช่วยเหลือในเรื่องต่างๆเสมอมา
ถึงวันนี้เธอยังไม่หยุดนิ่งในเรื่องของการทำธุรกิจ เมื่อวันหนึ่งรับโอกาสจาก คุณกฤษณ์ชนม์ เมธีนพอนันต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเจซีซี อินเตอร์เทรด จำกัด นายกสมาคม ชั่ง ตวง วัด ไทย โดยท่านได้ให้สูตรลับที่สามารถแข่งขันกับเค้าเตอร์แบรนด์ได้ และให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆทั้งยังแนะนำโรงงานคอสเมติกส์แห่งหนึ่ง เป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานและผ่านกระบวนการตรวจสอบ จากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยที่ ได้รับเครื่องหมายรับรองฮาลาล ทั้งกระบวนการ การผลิตและตัววัตถุดิบที่ใช้
จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมองต่างมีต่อสังคมกับคุณ โดยคุณ กฤษณ์ชนม์ ฯ เสมือนพระผู้เป็นเจ้าโปรดปราน ท่านให้องค์ความรู้โดยไม่คิดมูลค่า แต่ท่านขออย่างเดียว คือ “...ขอให้คืนกำไรให้กับสังคม..” ซึ่งก็ตรงกับเจตนารมณ์ของเราอยู่แล้ว
ในที่สุด คุณชลธรณ์ ก็เริ่มตัดสินใจที่จะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกแบรนด์ นั่นคือ เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “ Queen Titi ” ซึ่งปัจจุบันมี 2 ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย เซรั่ม และสบู่ ที่มีส่วนผสมหลักเป็น “ ทองคำอนุภาคนาโน"
เธอบอกว่าชื่อแบรนด์ “ Queen Titi ” ได้รับแรงบัลดาลใจจากชื่อของราชินีท่านหนึ่งของอียิปต์ เมื่อประมาณสามพันกว่าปีมาแล้ว นั้นคือ พระนางเนเฟอร์ตีติ ราชินีของฟาโร อาเมนโฮเทป ที่ 4 แห่งอียิปต์ ก่อนฟาโรตุตันคาเมน ขึ้นครองราช
ท่านเป็นราชินีที่ทรงพระมีสิริโฉมที่งดงามยิ่ง อีกทั้งมีความ แกร่ง เก่งและชาญฉลาด ..เป็นตามคอนเซปต์ที่ว่า “ ผู้หญิงนอกจากสวยแล้วต้องฉลาดและมีความสามารถ ” ทั้งยังเหมาะกับหญิงยุคใหม่ 4.0ในปัจจุบัน QueenTiti จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ All in one ไม่ต้องพกพาหลายชิ้น ไม่สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
ดร.ชลธรณ์ กล่าวว่า เซรั่ม Queen Titi จะมีจุดเด่นและมีความแตกต่าง คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมทองคำมีมากมายเรา หาซื้อได้ไม่ยากตามท้องตลาด แต่สำหรับ “เซรั่ม และ สบู่ Queen Titi มีส่วนผสมจากตัวทองคำ 100 %“ ที่ถูกเปลี่ยนโมเลกุลจากสถานะของแข็ง ให้อยู่ในสถานะของเหลวและทำให้มีอนุภาคระดับนาโน แล้วนำมาเป็นส่วนผสมในตัวเครื่องสำอางนี้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมในเรื่องของศาสตร์พลังงาน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
ส่วน “ สบู่นาโน โกลด์” เป็นสบู่ที่มีส่วนผสมของทองคำ อนุภาคนาโนอยู่ภายใน สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภค ที่สามารถใช้ได้ ทั้งทำความสะอาด เป็นคลีนซิ่ง และบำรุงผิวไปในตัว ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว
สำหรับเป้าหมายตลาดนั้น ในส่วนของเซรั่ม Queen Titi ได้มีการรีโนเวทแพคเก็จจิ้งใหม่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ตลอดจนถึงการพยายามที่จะผลักดันสินค้าของเรา สู่ตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น
“ สินค้าภายใต้ แบรนด์ Queen Titi ปัจจุบันมีสองผลิตภัณฑ์ แต่ในระยะอันใกล้นี้เราจะเพิ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสินค้าของเราจะเป็นสินค้าพรีเมี่ยม แต่ราคาเราไม่ได้ขายแพง ทั้งนี้เราจะเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ คู่กับราคาที่คุณธรรม ” ดร.ชลธรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามเป้าหมายสำคัญของบริษัทฯคือ ต้องการให้แบรนด์ของคนไทย ได้เป็นที่รู้จัก ทั้งในและต่างประเทศ เธออยากทำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้คนไทยได้ใช้ และสามารถเข้าถึงได้ในราที่ไม่แพง แต่คุณภาพเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศ..ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายในสภาวะการแข่งขันแบบไร้พรมแดน
ณ ปัจจุบันแต่เธอย้ำว่าได้มองเห็นโอกาสที่แบรนด์คนไทย จะไปตั้งคู่กับแบรนด์ต่างชาติ และเธอจะใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งตัวแบรนด์ และสังคมต่อไป “..เพราะเป้าหมายเราใหญ่กว่าเงิน..” คือ คำพูดที่เธอทิ้งท้ายก่อนจบบทสนทนา