จุฬาราชมนตรี ขยับตามคำสั่ง คสช.
ยกระดับองค์กรพัฒนาสู่เวทีนานาชาติ
++++
สำนักข่าวอะลามี่: สำนักจุฬาราชมนตรี ขยับจัดตั้งองค์กรรองรับคำสั่งที่ 49/2559 ว่าด้วยมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย จัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้นำอิสลาม รวมถึงกิจการต่างประเทศ สร้างสัมพันธ์ทางการทูต หวังให้สำนักจุฬาราชมนตรี มีบทบาทในเวทีต่างประเทศมากขึ้น
นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวถึงการดำเนินตามคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 49/ 2559 ว่า ด้วยมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย นั้น ที่ผ่านมา สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้ง “สถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม” โดยจัดอบรมรุ่นแรกไปแล้วและกำลังจะดำเนินการอบรมหลักสูตรที่สองเร็วๆ นี้
“ หลักสูตรต่อไปจะเป็นการเสริมศักยภาพที่จะช่วยให้ผู้นำศาสนาอิสลาม ได้ใช้ความคิด โดยจะมีวิทยากรมาช่วยบรรยายและจุดประเด็นปัญหา ซึ่งจะเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้คิดเอง โดยเราคาดหวังว่าสถาบันดังกล่าวจะมีความเข้มข้นเพื่อเทียบชั้น สถาบันพระปกเกล้า”
ผู้อำนวยการสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า อีกกิจกรรมที่สำนักจุฬาราชมนตรี ดำเนินการภายใต้คำสั่งหัวหน้า คสช 49/2559 คือกิจการต่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมแรก คือ กิจกรรม Launch Talk โดยจะเชิญเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ ประมาณ10 ชาติ เพื่อสร้างสานสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือโดยผ่าน ท่านจุฬาราชมนตรี
ทั้งนี้ในกิจกรรมการพบปะระหว่างท่านจุฬาราชมนตรี กับเอกอัครราชทูต ในครั้งนี้จะมีการนำเสนอประเด็นต่างๆ เพื่อร่วมหารือ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ ซึ่งจะพบปะให้ครบ 30 ประเทศ
สำหรับแนวคิดในการจัดพบปะระหว่างท่าจุฬาราชมนตรีกับเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ นั้นสืบเนื่องจากท่านจุฬาราชมนตรีเองไม่ค่อยพบปะกับผู้นำต่างประเทศ หรือแทบจะยังไม่มี เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่จะร่วมในงานละศีลอด หรือกิจกรรมอื่นๆ แต่พอจบพิธีก็ไม่มีการพูดคุยอย่างจริงจัง จึงริเริ่มโครงการนี้ เพื่อให้สำนักจุฬาราชมนตรี มีบทบาทมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับความสำคัญของสำนักจุฬาราชมนตรี ได้มีโอกาสร่วมกับรัฐบาล ในการสานสัมพันธ์กับต่างประเทศ ทั้งมิติเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และมิติอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มบทบาทในด้านของการค้าระหว่างประเทศมุสลิมมากยิ่งขึ้น โดยผ่านสำนักจุฬาราชมนตรี
นายคัมภีร์ กล่าวถึงอีกกิจกรรมที่ดำเนินการภายใต้คำสั่ง คสช ที่49/2559 คือ กิจกรรมด้านเยาวชน เนื่องจากปัจจุบันมีนักศึกษามุสลิมระดับมหาวิทยาลัย เฉพาะในกรุงเทพฯ ประมาณ 32 แห่ง ทั้งนี้เพื่อให้เยาวชน เป็นเครือข่ายของสำนักจุฬาราชมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องศาสนาในมหาวิทยาลัย และการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างไร ให้เกิดความสงบสุข โดยเบื้องต้นจะคัดเลือกตัวแทนจากแต่ละมหาวิทยาลัย มาเข้าร่วมกิจกรรม ก่อนจะลงไปทำกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่อไปในอนาคต
อีกโครงการหนึ่ง การดำเนินการตามคำสั่ง คสช 49/2559 ด้านสื่อมวลชน ทั้งนี้เพื่อให้สื่อมีความรู้และสามารถนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้อง โดยเฉพาะสื่อมุสลิม เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ อีกทั้งมาร่วมกันแก้ไขเพื่อเปิดกว้างศาสนาอิสลามให้มากยิ่งขึ้น
นายคัมภีร์ กล่าวว่า ด้วยเหตุผลในสภาพสังคมปัจจุบันที่สื่อสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ทุกคนรับรู้ได้เร็ว และทำให้สื่อยังคงอิทธิพลทางสังคม ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ และ ยกฐานะความน่าเชื่อถือให้กับสื่อมุสลิม ทำให้สังคมและองค์กรต่างๆ ยอมรับในสื่อมุสลิมมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรายังตระหนักถึงบทบาทสื่อ ที่ยังคงอิสระ เพียงแต่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้สิ่งที่จะเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ คือระบบการศึกษาโดยเฉพาะในระบบอิสลามศึกษา ซึ่งปัจจุบันครูที่สอนในด้านศาสนา ประสิทธิภาพมีไม่มากพอ และจำนวนยังน้อยอยู่ ดังนั้นครูที่เป็นต่างศาสนิกจะต้องได้รับการอบรม และจะต้องความเข้าใจกับสถานศึกษาให้มากขึ้น
“ ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการคลุมฮิญาบของเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังคงปัญหา ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เราจะต้องมาคิดต่อว่าสังคมจะจัดการอย่างไร และทำให้เราอยู่ร่วมกับต่างศาสนิก ให้มีการพัฒนาหลักสูตรอิสลามศึกษาให้มากขึ้น โดยองค์กรศาสนามีส่วนร่วมและรับรองความถูกต้องก่อนที่จะนำไปใช้ ทั้งในการเรียนการสอน และการเผยแพร่ด้านอื่นๆ ” นายคัมภีร์ กล่าว