สมมิตร สารรักษ์ : MUSLIM INVESTER IN PHUKET
โดย เอกราช มูเก็ม
สำนักข่าวอะลามี่: หากจะกล่าวถึงภูเก็ต ย่อมเป็นที่รับรู้ว่า การลงทุนมักจะมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ แต่ในความเป็นเมืองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวดังกล่าว ยังมีกลุ่มทุนมุสลิมที่หาญกล้าท้าทายในการลงทุนโครงการอาคารชุดและโรงแรมหรู มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท
นายสมมิตร สารรักษ์ ประธานกรรมการบริหาร SOCON CORPORATION ในฐานะผู้บริหารกองทุนโซคอน และธุรกิจอาคารชุด KAMALA FALLS และ LAYALINA HOTEL ในพื้นที่หาดกมลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นมุสลิมคนท้องถิ่น และนับเป็นรายแรกๆ ในพื้นที่ ที่หันมาสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กมลา ท่ามกลางกระแสทุนใหญ่ทั้งทุนข้ามชาติและทุนนอกพื้นที่ ที่มายึดหัวหาดทำเลทองภูเก็ต
“ บริเวณหาดกมลา ขณะนี้มีอาคารชุดและโรงแรมไม่ต่ำกว่า 1,000 ยูนิต นอกจากนี้ยังมีโครงการวิลล่า ราคาหลังละ 20 USD และเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้านี้ โฉมของกมลา จะเปลี่ยนไป เพราะขณะนี้กลุ่มเดอะมอลล์ ก็มาสร้างบีชคลับ ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท และกลุ่มทุนนักการเมืองจากภาคอีสาน รวมถึงโรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัล ก็มาลงทุนแล้วเช่นกัน ”
หากจะย้อนดูเส้นทางของ คุณสมมิตร เขาเติบโตจากนักธุรกิจรายย่อย ที่เริ่มสะสมที่ดินย่านกมลา ตั้งแต่ปี 2535 ก่อนจะเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังเมื่อปี 2547 โดยเริ่มจากการลงทุนสร้างโรงแรมสไตล์วิลล่า ( LAYALINA HOTEL ) ติดหาดกมลา บนพื้นที่ 2 งาน ขนาด 15 ห้องพัก ด้วยโลเกชั่นที่ติดชายหาด ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างดี
ต่อมาประมาณปลายปี 2548 ได้จับมือกับต่างชาติชาวเดนมาร์ก ลงทุนวงเงิน 70 ล้านบาท ซื้อที่ดินในพื้นที่กมลาจำนวน 15 ไร่ ขึ้นโครงการขนาดใหญ่ชื่อ KAMALA FALLS เป็นอาคารชุด โดยเฟส 1และเฟสสองขายเกือบหมด จากนั้นก็ขึ้นเฟส 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการระดมทุนเพิ่มเพื่อให้แล้วเสร็จสมบูรณ์
“ สำหรับโครงการ KAMALA FAALS ยังมีพื้นที่ว่างประมาณ 5 ไร่ เตรียมจะขึ้นเฟส 4 ซึ่งเราวางไว้ว่าจะบริหารในรูปแบบเป็นฮาลาล โดยอาคารใหม่นี้จะมีลักษณะเป็นคอนโดเทล ประมาณ 4 ตึก จำนวน 230 ห้อง คาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จ บนพื้นที่ 15 ไร่ จะมีมูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 1,700-1,800 ล้านบาท ”
สมมิตร กล่าวถึงทิศทางลงทุนอสังหาริมทรัพย์โรงแรมฮาลาลในจังหวัดภูเก็ต หากดูจากข้อมูลต่างๆ รวมถึงการโปรโมทของภาครัฐทำให้โครงการในรูปแบบฮาลาลได้รับความสนใจ และคาดว่าจะตอบรับในด้านบวก ทั้งนี้มองว่า หากโครงการในเครือของ SOCON GROUP ประสบความสำเร็จ จะเป็นโมเดลธุรกิจสำคัญของคนมุสลิม ซึ่งขณะนี้เรากำลังเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อไปถึงจุดนั้น
“ สำหรับรูปแบบของ SOCON GROUP จะต่างจากการลงทุนของธุรกิจรายอื่น เนื่องจากเราจะใช้รูปแบบการระดมทุน และส่วนหนึ่งผ่านกองทุน SOCON ทั้งนี้จะเห็นว่าปัจจุบันมีเงินของมุสลิมในจังหวัดภูเก็ตที่อยู่นิ่ง หรือฝากกับสถานบันการเงินอื่นๆ อยู่ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ”
สมมิตร กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุน SOCON กำลังลงทุนสร้างบ้านเดี่ยว KAMALA GARDEN VIEW ในพื้นที่กมลาอีกโครงการ มีสระน้ำ และส่วนกลาง คลับเฮ้าส์ ฯลฯ พื้นที่รวมทั้งหมด 3 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 70-90 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จุดต่างสำคัญของโครงการ SOCON คือ เงินที่มาลงทุนมาจากการระดมทุน การบริหารกองทุน มีการจัดการที่แตกต่างจากทั่วไป นอกจากนี้แหล่งทุนเราหันมาใช้กับสถาบันการเงินอิสลามทั้งธนาคารอิสลามและสหกรณ์อิสลาม นอกจากนี้ส่วนหนึ่งเรายังมีการเชื่อมโยงการลงทุนกับแหล่งทุน และนักธุรกิจจากมาเลเซียและตะวันออกกลางด้วย
กว่า 10 ปี ที่ SOCON GROUP ได้ดำเนินธุรกิจ โดยเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือและการยึดมั่น อะมานะฮ์ เป็นสำคัญ นับเป็นสิ่งท้าทายในกระแสทุน และการแข่งขัน บนเส้นทางนักลงทุนมุสลิมภูเก็ต ที่น่าสนใจยิ่ง