ตั้ง “สถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม”
มิติใหม่หลักสูตรเทียบสถาบันพระปกเกล้า
++ ระดมคลังสมองมุสลิมเป็นบอร์ด ดึง “ พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ” จากสถาบันพระปกเกล้า ร่วมด้วย
สำนักข่าวอะลามี่ : นับเป็นมิติใหม่ขององค์กรศาสนา สำนักจุฬาราชมนตรี จัดตั้ง “ สถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม ” ดึงนักวิชาการและคลังสมองมุสลิม และ “ พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ” จากสถาบันพระปกเกล้า เป็นกรรมการวิชาการสถาบัน หวังยกระดับและพัฒนาหลักสูตรเทียบชั้นสถาบันพระปกเกล้า โดยนักศึกษาในยุคเริ่มต้นจะคัดเลือกจากกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศ40 คน
นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักจุฬาราชมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม กล่าวถึงการจัดตั้ง สถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักจุฬาราชมนตรี ว่า สืบเนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย โดยให้แต่ละองค์กรศาสนาไปกำหนดมาตรการ เมื่อแล้วเสร็จก็มีการยกร่างมาตรการ โดยให้แต่ละองค์กรศาสนาดูแลกันเอง
“ ในส่วนของศาสนาอิสลาม ท่านจุฬาราชมนตรี ได้มอบหมายให้ผมเป็นประธานคณะกรรมการ จากนั้นได้หารือร่วมกับคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ก่อนจะกำหนดออกมาเป็นยุทธศาสตร์ 6 มาตรการ 27 กลยุทธ์ ”
นายคัมภีร์ กล่าวว่า หลังจากที่ตกผลึกจึงได้กำหนดให้สำนักจุฬาราชมนตรี จัดตั้งเป็นสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม โดยเชิญบุคลกรที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ความสามารถ ทั้งมุสลิมและต่างศาสนิก เข้ามาร่วมเป็นกรรมการวิชาการและประเมินผลสถาบันฯ โดยท่านจุฬาราชมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้ง ทั้งหมด 11 ท่าน โดยมี รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร เป็นประธานกรรมการ
นอกจากนี้ยังมีกรรมการประกอบด้วย นายประสาน ศรีเจริญ, นายอนันต์ วันแอเลาะ, ผศ.ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข, นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล, นายวิจิตร วิชัยสาร, ดร.มนัส บุญชม, นายสันติ เสือสมิง, นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์, นายสมชาย เจ๊ะวังมา และ พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ จากสถาบันพระปกเกล้า เข้าร่วมด้วย
“ สำหรับหลักสูตรจะมีทั้งหมด 12 รายวิชา โดยผู้เข้าอบรมจะถูกคัดเลือกจากคณะกรรมการอิสลาม ตาม พรบ.40 ทั่วประเทศ 38 จังหวัด จังหวัดละ 2 คน สำหรับกรุงเทพฯ มีโควตา 2 คน จึงส่งบุคลากรมาให้คัดเลือก 4 คน ส่วนจังหวัดที่ไม่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด สามารถยื่นความจำนงเพื่อร่วมคัดเลือกได้โดยตรง จากนั้นทางสถาบันฯ จะคัดเลือกให้เหลือ 40 คน ”
ทั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องผ่านหลักสูตร ตามรายวิชาที่กำหนด เพื่อให้ผู้เข้าอบรมจบไปแล้วมีประสิทธิภาพ โดยใช้เวลาอบรม 10 วัน ซึ่งจะเรียกเรียกว่าหลักสูตรเบื้องต้น ทั้งนี้ก่อนจบหลักสูตร ผู้เข้าอบรมจะต้องเสนอหัวข้องานวิจัย เมื่อครบกระบวนรายวิชาถึงจะผ่านหลักสูตรดังกล่าว ก่อนจะเข้าสู่หลักสูตร ซึ่งเรียกว่า หลักสูตรระดับสูง ต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับเป้าหมายสำคัญของผู้ที่ผ่านการอบรมของสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม ในครั้งนี้ เราคาดหวังว่า ผู้ผ่านการอบรมสามารถจัดทำคุตบะฮ์ ได้เอง เป็นคุตบะฮ์ที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงตามสภาพในสังคมปัจจุบัน
“ การแต่งตั้งคณะกรรมการวิชาการมีความหลากหลาย ทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม นี่คือเจตนา เช่น พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ ถือว่าเป็นบุคลากรในเรื่องของสันติสุขปรองดอง และเรื่องของการลดความขัดแย้ง ซึ่งจะนำไปสู่ให้ผู้เข้าอบรมสามารถวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค หรือ SWOT เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถมองเห็นตัวตนของตัวเอง พร้อมกับการนำผลจากการวิเคราะห์มาปรับใช้กับตัวเอง มากกว่าการผลักภาระให้สังคม จะนำมาซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขเหมือนอดีตที่ผ่านมา ” นายคัมภีร์ กล่าวและว่า
สำหรับเป้าหมายของหลักสูตรนี้ จะสามารถพัฒนาผู้นำศาสนาให้มีศักยภาพในการบริหารองค์กรและชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์
ปัจจุบัน 
นอกจากนี้จะทำให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ รวมถึงพัฒนากระบวนการคิดในเชิงบวก และสามารถอยู่ร่วมในสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลากหลายได้ สามารถนำองค์ความรู้ด้านศาสนา การใช้หลักการและเหตุผล หลีกเลี่ยงผลกระทบต่างๆ และเรื่องของการบิดเบือนศาสนา ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคำสั่ง คสช. และประการสุดท้าย คือ การนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง นำไปสู่แนวทางปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ ในหลักสูตรดังกล่าว เราจะล้อตามหลักการของสถาบันพระปกเกล้า แต่เนื้อหาในหลักสูตรเป็นของเราเอง ทั้งนี้เราพยายามที่จะยกระดับความเข้มข้นของบุคคลากรที่เข้ามาอบรมให้มีคุณภาพ เหมือนกับสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมต่อไป ” ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้นำอิสลาม กล่าว.
