Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพายัน“ไม่ย้ายมัสยิด-กุโบร์”

กฟผ.แจงผู้นำศาสนา5จังหวัด

โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา“ไม่ย้ายมัสยิด-กุโบร์”

++++++++++++++++++++++++++

           สำนักข่าวอะลามี่: เลขาธิการกรรมการกลางเชิญกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมรับฟังคำชี้แจงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา หลังกลุ่มคัดค้านนำประเด็นศาสนาไปโจมตี หลังประชุม 2 ฝ่ายเข้าใจตรงกัน กฟผ.ยันไม่ย้ายมัสยิด-กูโบร์

           นายสุรินทร์ ปาราเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการประชุมร่วมของประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จาก 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา, สตูล, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส พร้อมผู้นำศาสนาในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา หลังจากที่กลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ระบุว่า กฟผ.จะย้ายมัสยิดและกุโบร์ ซึ่งหาเป็นจริงเป็นเรื่องใหญ่ จึงได้ให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว

          “ หลังได้รับฟังข้อมูลในพื้นที่ โดยมีนายอำเภอเทพา กรรมการอิสลามในพื้นที่ ซึ่งตัวแทน กฟผ.ก็ยืนยันว่า ไม่มีการย้ายกุโบร์และมัสยิด แต่อย่างใด”

          ด้าน นายพล คงเสือ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 3 ในฐานะผู้ดูแลโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา จังหวัดสงขลา กล่าวภายหลังได้ชี้แจงกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาและผู้นำจาก 5 จังหวัด ว่า วันนี้ผู้นำศาสนาสบายใจขึ้น และหมดกังวล เพราะเรายืนยันว่า เราไม่เข้าไปแตะต้องศาสนสถานในพื้นที่แต่อย่างใด

           “  ยืนยันว่าเราไม่ไปแตกต้อง หรือย้ายมัสยิดและกุโบร์ ตามที่เป็นข่าว อีกทั้งเรายังยินดีที่จะเข้าไปอนุรักษ์ศาสนสถานสำคัญเหล่านี้ ให้เป็นศาสนสถานสำคัญควบคู่กับโรงฟ้าถ่านหินเทพากับชุมชนต่อไป”

            ด้าน นายรอแม เจ๊ะโส๊ะ ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิอิตีซอมวิทยา กล่าวว่า โรงเรียนมูลนิธิอิตีซอมวิทยา ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ระดับมัธยม ม.1- ม.6 ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวน 250 คน ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนแบบกินนอนประจำ 100 % และเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เมื่อโครงการโรงไฟฟ้ามาสร้างอยู่ใกล้โรงเรียน ต้องส่งผลระยะยาว จึงมีความกังวล เนื่องจากก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน

           “ เราไม่ได้สนับสนุน และไม่ได้คัดค้าน เพียงแต่เราต้องการข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อให้ข้อมูลกับนักเรียนและผู้ปกครองรวมถึงชุมชน”

            นายรอแม กล่าวอีกว่า เบื้องต้นโรงเรียนได้เชิญคณะกรรมการมูลนิธิและกรรมการสถานศึกษา มาหารือ ซึ่ง โดยเฉพาะ “บาบอตาเยาะห์ซู” ในฐานะเจ้าของและผู้ก่อตั้ง, ได้เชิญคณะกรรมการมัสยิด 2 แห่ง และโรงเรียนตาดีกา เพื่อชี้แจงทิศทางของโรงเรียน ว่าจะดำเนินการอย่างไรหากโครงการนี้จะเกิดขึ้นในพื้นที่จริง

          “ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องย้าย เราต้องตัดสินใจร่วมกันอีกครั้ง “ นายรแม กล่าว.