สัมพันธ์ 65ปี “ไทย-อินโดฯ
จับตาอนาคต..คู่ค้ามุสลิมมากที่สุดในโลก
โดย เอกธวัช มูเก็ม
+++++++++++++++++++
สำนักข่าวอะลามี่ : เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เปิดเผยกับ " สำนักข่าวอะลามี่ " ก่อนหมดวาระการทำงานในประเทศไทย ถึง ความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หลังได้สถาปนาทางการทูต และ เป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันมายาวนาน จนถึงวันที่เป็นปีที่ 65
นายลุตฟี ราอุฟ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการเมือง ประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2493 (1950) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองดำเนินไปได้ด้วยดี มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งในระดับทวิภาคี และกรอบพหุภาคี
“ หลังจากที่อินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชในปี 1945 พระมหากษัตริย์ของไทย ได้ให้ความร่วมมือกับอินโดนีเซียในการประกาศความเป็นประเทศเอกราช และยอมรับ อินโดนีเซีย เป็นส่วนหนึ่งในชาติพันธมิตร นี่คือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสองประเทศ”
สำหรับในส่วนของด้านเศรษฐกิจ นั้น ประเทศไทย ถือเป็นประเทศคู่การค้า ที่ใหญ่ที่สุด ของอินโดนีเซีย โดยในปี 2014 ประเทศไทยและอินโดนีเซีย มีมูลค่ากาค้าในการส่งออกถึง 16.8 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงจาก ปี 2012 และปี 2013 ก็ตาม แต่ถือว่าสัมพันธ์ทางการค้ายังไปในทิศทางที่ดีเสมอมา
เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวว่า ระหว่างสองประเทศเป็นไปด้วยดี และมีแนวโน้มที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ซึ่งจากสถิติ นักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียมาเยือนประเทศไทยมากถึง 508,171 คน แต่ คนไทยไปเที่ยว อินโดนีเซีย เพียงแค่ 125,059 คน นี่เป็นตัวเลขในปี 2014
“ แน่นอนที่น้อยเป็นเพราะว่าประเทศเรามีจำนวนประชากรที่มากกว่า แต่นั่นแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี “
เขาบอกว่า อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และมองว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสำเร็จของอาเซียนที่เห็นได้ชัดคือ เศรษฐกิจมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเสถียรภาพ และนั่นทำให้อินโดนีเซียเป็นที่รู้จักมากขึ้นบนเวทีโลก “ หากคุณต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณจะต้องมีเสถียรภาพทางเมือง หากประเทศไหน ไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจก็ไม่มีทางที่จะพัฒนา”
ทั้งนี้ช่วงปลายปีนี้ นายลุตฟี ราอุฟ จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เขากล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ผมมอง หลังจากวันที่ผมหมดวาระการทำงานในประเทศไทย ไปแล้ว ผมคิดว่าจะทำอย่างไร ในการทำให้คนไทยได้รู้ว่า อินโดนีเซียเป็นเพื่อนที่ดีของคนไทย และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้จะต้องดีและดียิ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
ประเทศไทยเริ่มมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2493 โดยเป็นพันธมิตรที่สำคัญของไทยทั้งในกรอบอาเซียน และในเวทีระหว่างประเทศอื่นๆ การที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของอินโดนีเซียเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ย่อมมีผลต่อท่าทีของประเทศมุสลิม โดยเฉพาะในกรอบองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation: OIC) ซึ่งที่ผ่านมาอินโดนีเซียสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลและช่วยอธิบายให้ประเทศมุสลิมอื่นๆ เข้าใจปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาโดยตลอด