“อำพล ขำวิลัย” จากเด็กปอเนาะสู่อาชีพนักบิน
โดย เอกราช มูเก็ม
สำนักข่าวอะลามี่ : อาชีพนักบิน เป็นอาชีพใฝ่ฝันของใครหลายคน แต่ไม่ง่ายนัก ที่จะมุ่งมั่นนำพาตัวเองสู่อาชีพที่ชอบและเดินตามหาฝันสู่อาชีพที่ตามที่ปรารถนา
“อำพล ขำวิลัย” หรือ อิลยาส ในวัย 23 ปี ปัจจุบันเขาเป็นนักบินประจำสายการบินบิสสิเนสแอร์ (Business Air) ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นนักบินพาณิชย์ที่เป็นมุสลิมอายุน้อยที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ก็ว่าได้ เขาเติบโตจากครอบครัวที่เป็นเจ้าของกิจการน้ำดื่มและอาพาร์ทเม้นท์ย่านรามคำแหง กรุงเทพมหานคร เรียนจบจากสถาบันการบิน มหาวิทยาลัยรังสิต
“ ในสมัยเด็กผมเรียนไม่ค่อยเก่ง หลังจากจบชั้นประถมหก ทางครอบครัวได้ส่งผมไปเรียนที่โรงเรียนศาสนูปถัมภ์ หรือ ปอเนาะบานา ซี่งเป็นโรงเรียนสอนทั้งสามัญและศาสนา ที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ในชันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยพ่อและแม่ หวังว่าจะให้ผมเป็นครูสอนศาสนาในชุมชน”
อิลยาส บอกว่า ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อขณะที่เขาเรียนมัธยม 5 ประกอบกับเศรษฐกิจครอบครัวไม่ค่อยดีนัก เขาในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโต จากพี่น้องทั้งหมด 4 คน เริ่มคิดว่า หากเรียนจบแล้วจะทำงานอะไร เพื่อจะหาเงินช่วยเหลือครอบครัวได้
“ในขณะที่ผมนั่งรอขึ้นเครื่องจากสนามบินหาดใหญ่ เพื่อเดินทางกลับบ้าน คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เรามีรายได้มากพอที่จะช่วยจุนเจือครอบครัว เห็นกัปตันเครื่องบินเดินลากกระเป๋าขึ้นเครื่องในชุดที่ดูสง่า เท่ห์ และที่สำคัญทราบมาว่าอาชีพนักบิน เป็นอาชีพที่มีรายได้สูง และมั่นคง”
นั่นคือการจุดประกายฝันที่ทำให้ ”อิลยาส” เด็กปอเนาะคนหนึ่ง คิดและฝันว่าสักวันเขาจะต้องเป็นนักบินให้ได้
จากนั้นอิลยาส ไม่นิ่งนอนใจกับความฝัน เขาจึงซื้อหนังสือ ที่เขียนถึงเส้นทางการเป็นนักบินเล่มแล้วเล่มเล่า อ่านหลายรอบ เพื่อหาความรู้ และศึกษาการเป็นนักบินต้องเตรียมตัวอย่างไร พร้อมกับพยายามหาโอกาสและหาประสบการณ์เข้าค่ายฝึกอบรมการเป็นนักบิน โดยเก็บความฝันไว้คนเดียว ไม่บอกใครแม้กระทั่งผู้เป็นพ่อและแม่ก็ตาม
แต่สุดท้ายฝันที่เขาอยากเป็นนักบินก็แทบทำให้เขาล้มเลิกและหมดสิทธิ์ เมื่อเขาป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกหลังทับเส้นประสาท ต้องเข้ารักษาตัว ทำให้เขาท้อแท้และแอบร้องไห้คนเดียว
“ในขณะที่ผมป่วยผมได้แต่วิงวอนขอจากพระผู้เป็นเจ้าว่า ขอให้ผมสามารถหายเป็นปรกติเพื่อที่จะทำตามฝัน ผมได้โทรศัพท์ไปปรึกษากับแพทย์เวชศาสตร์การบินว่าหากผมผ่าตัดหมอนรองกระดูกและหายดีจะสามารถเป็นนักบินได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบจากเสียงปลายสายว่า หากหายดีและดำเนินชีวิตเป็นปรกติ ก็สามารถเป็นนักบินได้ ทำให้ผมสินใจผ่าตัดพร้อมๆกับกายภาพบำบัดจนกระทั่งหายปรกติ”
“อิลยาส” บอกว่า หลังจากจบ ม.6 จึงได้ปรึกษากับครอบครัวว่า อยากเรียนเป็นนักบิน แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจของครอบครัวในขณะนั้นไม่สู้ดีนัก เนื่องจากการจะเรียนในสายนี้ต้องใช้เงินจำนวนมาก ผมจึงอ้อนวอนพ่อและแม่ให้ส่งเรียน โดยบอกกับคุณแม่ว่า อยากให้ครอบครัวรับผิดชอบจ่ายค่าเทอมในปีที่หนึ่งและปีสอง ซึ่งใช้เงินปีละราวหนึ่งแสนบาท
ในที่สุด ผมจึงตัดสินใจสมัครเรียนที่ “ สถาบันการบิน มหาวิทยาลัยรังสิต”
แต่ด้วยความเมตาจากพระผู้เป็นเจ้า หลังจากผมเรียนมาถึงปีสอง มีญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เห็นผมเป็นคนตั้งใจจริงประกอบกับกับผมเรียนศาสนามา ท่านได้เมตตาให้ครอบครัวยืมเงินเพื่อเป็นทุนศึกษาต่อจนจบ ซึ่ง อิลยาส บอกว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนมีประมาณ 30 คน แต่มีเพื่อนร่วมรุ่นเรียนจบเพียง 12 คนเท่านั้น
“หลังเรียนจบผมได้ทำงานเป็นนักบินส่วนตัวให้กับนักธุรกิจไทยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องบินเล็กส่วนตัว (เซสน่า 172) ขนาด 4 ที่นั่งอยู่ปีกว่า”
จากนั้นเขาได้สมัครเป็นนักบินสายการบินพาณิชย์ กับสายการบินบิสสิเนสแอร์(Business Air) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างฝึกอบรมการบินกับเครื่องบิน 767-300 ER ซึ่งหลังจากฝึกอบรม เขาจะเป็นนักบินที่สอง แต่เป้าหมายของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่การเป็นแค่นักบิน แต่ฝันต่อไปอีกว่าอนาคตเขาจะเป็นกัปตัน ซึ่งหมายถึงเป็นนักบินที่หนึ่ง
“กว่าจะถึงวันนี้ได้ ถือว่าผมผ่านความยากลำบากมามาก แต่ในอนาคตผมตั้งใจจะเป็นนักบินที่1 (กัปตัน) เพื่อนำผู้โดยสาร ถึงจุดหมาย ด้วยความปลอดภัย ซึ่งนับว่ามีความยากกว่า แต่นั่นคือเป้าหมายสำคัญของการเป็นนักบิน นับตั้งแต่การก้าวเข้ามาสู่อาชีพนี้”
และนี่เป็นอีกความภาคภูมิใจของครอบครัว” ขำวิลัย” ที่เราจะเห็นนักบินพาณิชย์ ที่ชื่อ “ อำพล ขำวิลัย หรือ อิลยาส ซึ่งเป็นนักบินพานิชย์ที่เป็นมุสลิมมีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย
หมายเหตุ: ประสบการณ์บิน สายการบิน บิสิเนส แอร์ ล่าสุด สายการบินไลอ้อนแอร์
ตีพิมพ์ครั้งแรก: นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2556