นักธุรกิจมุสลิมขานรับ”อะมานะฮ์เอ็กเพรส ” เตรียมดัน ACORP หนุนแหล่งเงินลงทุน
โดย เอกราช มูเก็ม
สำนักข่าวอะลามี่ : นักธุรกิจมุสลิม ขานรับโครงการอะมานะฮ์เอ็กเพรส ชี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนมุสลิมให้ตื่นตัว ขณะที่ภาคเอกชนเริ่มเดินคู่ขนาน จัดตั้ง ”ACORP” กองทุนการเงินปลอดดอกเบี้ยหนุนการลงทุนขนาดใหญ่
จากแนวคิดของ คุณธงรบ ด่านอำไพ กรรมการผู้จัดการบริษัท อะมานะฮ์ลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) ในความพยายามจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนมุสลิม โดยความร่วมมือกับสำนักจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผ่านโครงการ อะมานะฮ์ เอ็กเพรส ที่จะกระจายร้านค้าชุมชนทั่วทั้ง 3,800 มัสยิดทั่วประเทศภายในปี 2557 ที่จะถึงนี้
สำหรับโครงการนี้คุณธงรบ บอกว่า เป็นแนวคิดที่ฉีกกรอบการทำงานของบริษัท อะมานะฮ์ลิสซิ่ง ในฐานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ ที่ต้องการเข้าถึงชุมชนและบริการชุมชนมุสลิมอย่างจริงจังโดย อะมานะฮ์เอ็กเพรส จะเป็นร้านค้าที่บริการสินค้าและผลิตภัณฑ์ฮาลาล 100% นอกจากนี้ อะมานะฮ์เอ็กเพรส จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลความต้องการของชุมชนมุสลิมในประเทศไทย ที่มีมากกว่า 7 ล้านคน ทั่วประเทศ ที่อาศัยเป็นชุมชนมากกว่าหมื่นชุมชนทั่วประเทศ
ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู ประธานกรรมการเครือข่ายสหกรณ์อิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้ง อะมานะฮ์เอ็กเพรส ว่า เป็นเรื่องที่สังคมมุสลิมจะได้ประโยชน์มากจากโครงการนี้ เนื่องจากการเข้าถึงชุมชน จะทำให้เรารู้ถึงความต้องการของชุมชนมุสลิมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการร่วมมือกับสำนักจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการอิสลามฯ จะทำให้เข้าถึงชุมชนได้มากขึ้น ซึ่งหากเรามีข้อมูลผู้บริโภค จะทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่าจะผลิตอะไร ผลิตมากน้อยแค่ไหน
“ โครงการอะมานะฮ์เอ็กเพรส จะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน ซึ่งการทำงานจะควบคู่ไปกับ อะมานะฮ์ลิสซิ่ง มีฐานข้อมูล มีองค์ความรู้และบุคลากร ส่วน อามานะฮ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ ACORP จะทำหน้าที่เป็นแหล่งระดมทุนเพื่อการลงทุนด้านต่างๆ ”
ผศ.ดร.วรวิทย์ กล่าวอีกว่า ACORP จะเป็นสถานบันการเงินเอกชน หรือเป็นกองทุนในการพัฒนาธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมุสลิมขนาดใหญ่จะติดปัญหาแหล่งทุน จึงจำเป็นต้องหันไปพึ่งสถาบันการเงินที่มีดอกเบี้ย ซึ่งจากนี้ไป ACORP จะทำหน้าที่เป็นสถาบันการเงินที่ปลอดดอกเบี้ย ทำหน้าที่ในการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับนักลงทุน
“ ACORP จะเป็นอีกก้าวของการพัฒนาของระบบสหกรณ์อิสลามฯ (Islamic Fund) ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย จึงเป็นเรื่องใหม่ และเป็นเรื่องท้าทายพอสมควร ”
ด้าน นายสมมิตร สารรักษ์ ผู้บริหารกลุ่มบริษัทโซคอนคอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์จากจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจะทำธุรกิจต้องรู้จักธรรมชาติของลูกค้า หรือรู้จักชุมชน การที่ บริษัท อะมานะฮ์ลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) มีแนวคิดจะเปิดร้านค้าชุมชน โดยมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ฮาลาล 100% ไปให้บริการ เป็นการเข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริง
“นักธุรกิจมุสลิม ย่อมให้การสนับสนุนกับโครงการนี้ เพราะนักธุรกิจสามารถที่จะขอใช้ข้อมูลจาก อะมานะฮ์เอ็กเพรส มาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งหากโครงการนี้เป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาสังคม และแก้เศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง “
สำหรับบริษัท อะมานะฮ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ ACORP ที่กำลังก่อตั้งนั้น จะเป็นคำตอบของนักลงทุนมุสลิม ที่ต้องการทำธุรกิจปลอดดอกเบี้ย ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการมุสลิม จะมีอุปสรรคกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ โดย ACORP จะเป็นการรวมตัวของนักการเงิน สหกรณ์อิสลามฯ และนักธุรกิจที่มีผู้เชียวชาญเฉพาะทางเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้ากลุ่มเฉพาะ ที่ไม่เหมือนใคร
“ ACORP จะเข้าไปช่วยเหลือ ในการสนับสนุนแหล่งเงินทุน รวมไปถึงการบริหารจัดการ องค์ความรู้ การตลาด และการเข้าไปช่วยเหลือดูแลระบบ เพื่อให้โครงการนั้นๆ ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะแตกต่างจากสถาบันการเงินอื่นๆ ถือว่าอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับเมืองไทย ในขณะนี้ ”
ขณะที่ นายอนุมัติ อาหมัด กรรมการผู้จัดการบริษัท อดามี่ จำกัด และ บริษัท อะคิแบม จำกัดผู้ดำเนินธุรกิจคลังก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจพลังงาน ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวถึง โครงการ อะมานะฮ์เอ็กเพรส ว่า เป็นโครงการที่น่าสนใจ เป็นการทำงานที่เข้าถึงชุมชนโดยตรง
“คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มีเครือข่ายในระดับตำบล ในระดับอำเภอ ในระดับจังหวัดและในระดับประเทศ การจับมือร่วมกันในครั้งนี้ จะเป็นช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนมุสลิม อย่างแท้จริง”
อย่างไรก็ตามคาดหวังว่า นโยบายของผู้บริหารธนาคารอิสลามฯ และผู้ถือหุ้นใหญ่ จะเห็นด้วยและมองถึงประโยชน์ในเรื่องนี้ หากนโนบายไม่นิ่งอาจส่งผลกระทบกับนโยบายดีๆ อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้บริหารมองธุรกิจในมิติทางสังคมบ้าง อย่ามองเรื่องธุรกิจในแง่ของกำไร-ขาดทุน เท่านั้น