“ เดอะแกรนด์ ไอบี ” ผนึก "ทุนภูเก็ต-สหกรณ์อิสลาม" เดินหน้าลุยโครงการ มั่นใจส่งมอบเฟสแรกทันเดือนตุลาคมนี้ การลงนามความร่วมมือของผู้บริหาร ดีอาร์เอสกรุ๊ป เจ้าของโครงการ “เดอะแกรนด์ ไอบี หาดใหญ่" กับกลุ่มทุนจากภูเก็ต และตัวแทนจากสหกรณ์อิสลาม เป็นการสร้างความมั่นใจกับลูกค้าของโครงการ หลังจากที่โครงการนี้ชะลอมาพอสมควร การกลับมาในครั้งนี้ มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนแบบโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์บางส่วน ให้ตอบรับกับลูกค้า และการเข้ามาของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน พร้อมทั้งเพิ่มความต้องการที่จะส่งมอบเฟสแรกตึก F ในเดือนตุลาคมนี้ นายอิบรอเฮ็ง เจะอาลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีอาร์เอสกรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการกลับมาในครั้งนี้อย่างมั่นใจของโครงการ “ เดอะแกรนด์ ไอบีหาดใหญ่ " ว่า ได้มีการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท โซคอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดย คุณสมมิตร สารรักษ์ ซึ่งเป็นนักลงทุนจากจังหวัดภูเก็ต มีประสบการณ์เป็นผู้สร้างคอนโดมิเนียม และโรงแรมในภูเก็ตอีกหลายแห่ง ซึ่งมีผลงานที่ดีตลอด15 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นทางโครงการได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก สถาบันการเงินระบบอิสลาม ซึ่งมีความแข็งแกร่งเรื่องเงิน เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์อิบนูอัฟฟาน จังหวัดปัตตานี สหกรณ์ออมทรัพย์ษะกอฟะฮอิสลาม จำกัด จังหวัดกระบี่ สหกรณ์ออมทรัพย์อัล-อิสลามียะฮ์ จำกัด จังหวัดภูเก็ต และ ชุมนุมสหกรณ์ในหาดใหญ่ ที่อยู่ในเครือ สหกรณ์อิสลามในภาคใต้
" เราได้เซ็นสัญญาร่วมกันลงทุนเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา แม้ว่าที่ผ่านมา เราได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก ธนาคารยูโอบี เป็นหลักอยู่แล้วส่วนหนึ่งก็ตาม แต่การที่มีกลุ่มทุนใหม่เข้ามาร่วมลงทุน เป็นการเสริมสภาพความคล่องให้กับโครงการได้เป็นอย่างดี " ประธานกรรมการบริหารบริษัท ดีอาร์เอสกรุ๊ป กล่าวและว่า
ต้องยอมรับว่าในสภาพคล่องของการเงินที่ยังขาดอยู่ ทำให้การดำเนินการก่อสร้าง ส่งมอบให้แล้วเสร็จ 100 % นั้นล่าช้าไป โดยงบกระแสเงินสดที่ขาดบางส่วนทำให้การก่อสร้างล่าช้า แต่อีกประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ แรงงานที่ขาดคุณภาพและลดจำนวนลงไป หลังจากนี้ไป โครงการจะได้รับการดูแล โดยเฉพาะคุณภาพงานที่ได้รับการดูแลงานสร้างจากมืออาชีพ บริษัท โซคอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากภูเก็ต พร้อมทั้งเป็นการขยายทุนทางการตลาดด้วย
เขากล่าวว่า เดิมทีโครงการ
“ เดอะแกรนด์ ไอบี ” ทั้งหมดจะมีสระว่ายน้ำและฟิตเนส ห้องอาหาร จะอยู่ในเฟส 2 ตึก 27 ชั้น แต่ตอนนี้เรามีการเพิ่มเติมใหม่ บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ที่จะสร้างส่วนนี้แยกออกมาอีก 1 อาคาร เพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าของอาคาร 7 ชั้น และไม่ต้องรอให้อาคาร 27 ชั้นสร้างเสร็จ “ เป็นการตอบโจทย์ให้กับลูกค้าในเฟสแรก ซึ่งเป็นอาคารคอนโด สูง 7 ชั้น ลูกค้ากลุ่มนี้กว่า 300 คน สามารถที่จะใช้คลับเฮ้าส์ โดยไม่ต้องรอเฟส 2 ที่กำลังจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จอีก 3 ปีข้างหน้า”
สำหรับภาพรวมของการก่อสร้างโครงการในเฟสแรก ขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 50 % แต่จะมีอาคารที่ก้าวหน้าที่สุด คือ อาคาร F ซึ่งสร้างไปแล้วกว่า 70 % และจะมีการส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจะต่อด้วยอาคาร E ช่วงเดือนพฤศจิกายน และ อาคาร C จะส่งมอบประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ส่วนอาคารที่เป็นคลับเฮ้าส์ จะดำเนินการสร้างให้แล้วเสร็จปลายปี 2557 นี้ เพื่อให้ทันกับการเข้าอยู่ของลูกค้า อาคาร A และ B ซึ่งตัวอาคารคลับเฮ้าส์ นั้นจะอยู่ติดกับอาคาร C และเมื่อโครงการทั้งหมดของ เดอะแกรนด์ ไอบี แล้วเสร็จ จะมีพื้นที่สำหรับการสร้างคลับเฮ้าส์ ถึง 2 แห่ง จากเดิมเพียงแค่ 1 แห่งเท่านั้น อิบรอเฮ็ง กล่าวถึงด้านการขายว่ายอมรับมีการชะลอการขายโครงการไปช่วงระยะเวลาหนึ่งประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา ทำให้โครงการที่ใกล้กันได้แชร์กลุ่มลูกค้าไปพอสมควร ซึ่งลูกค้าที่ซื้อโครงการ เดอะแกรนด์ ไอบี ไว้ บางส่วนก็ได้ไปซื้อโครงการใกล้เคียงไปแล้วบ้าง ส่งผลต่อการขายในช่วงต้นปี ถึงกลางปีไปบ้างเล็กน้อย
" ถ้าหากพูดถึงจำนวนโครงการทั้งหมดทั้งเฟส1 และเฟส 2 ถือว่า การขายสามารถทำไปได้ถึง 70 % แล้ว เพียงแต่เฟส 2 ยังไม่ได้เริ่มการก่อสร้างเท่านั้น สำหรับเฟส1 ยังเหลืออีก 100 ห้องเศษๆ ที่ยังไม่ได้ขายออกไป ทั้งนี้คาดว่าในระยะเวลา 5 เดือนจากนี้ไปจะเริ่มให้ลูกค้ามาทำสัญญาและโอนได้อย่างแน่นอน ส่วนราคานั้น เรายังคงที่ราคาเดิม ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามได้ที่โครงการ" สำหรับการก่อสร้างเฟส 2 นั้นได้มีการปรับแก้ไขแบบ เนื่องจากมีการขยับตัวอาคารออกมาจากเดิม จึงต้องรอดำเนินการทางด้านกฎหมายอาจทำให้เสียเวลาในการก่อสร้างไปกว่า 1 ปี ทางทีมผู้บริหารฯ จึงมีการปรับแก้ไขให้ตรงตาข้อกฎหมายและเริ่มดำเนินการก่อสร้างในต้นปี 2558 (ช่วงเดือนเมษายน) แน่นอน โดยใช้เวลาในการก่อสร้างเป็นเวลา 2 ปี ลูกค้าที่ได้ซื้อโครงการเฟส 2 ไว้แล้ว รับรองว่าจะมีการสร้างแน่นอน ไม่มีปัญหาในเรื่องของโครงสร้าง และการออกแบบตัวอาคารตั้งแต่ชั้นที่ 4-27 ยังคงเป็นแบบเดิม ส่วนเรื่องของทุนในการก่อสร้างนั้นมั่นใจได้ ” อิบรอเฮ็ง ยังได้กล่าวขอบคุณลูกค้าเก่า ที่เคยซื้อโครงการไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา และยังคงเชื่อใจในเรื่องของการสร้างของโครงการฯ ซึ่งบริษัทเองยอมรับว่า ที่ผ่านมาอาจประสบปัญหาทางด้านการเงินบ้าง แต่เวลานี้ปัญหาเหล่านั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว เพราะเราได้รับการทำสัญญาร่วมกับกลุ่มทุน และกลุ่มการเงินดังกล่าว ลูกค้าที่ได้ลงทุนไปแล้วสามารถมั่นใจได้
" เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าในช่วงปี 2558 ที่มีการเปิด AEC นั้นกลุ่มลูกค้าต่างประเทศจะมีการเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทยรวมถึงในหาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการของเราอยู่ใกล้กับพื้นที่ของการขยายของตัวเมือง และใกล้ความเจริญทั้งสถาบันการศึกษา แหล่งท่องเที่ยว และสถานพยาบาล ซึ่งทั้งหมดสามารถตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของชีวิตการอยู่อาศัยได้แน่นอน " นายอิบรอเฮ็ง กล่าว.