“ แม่สอด –เมียวดี ” เมืองคู่แฝดค้าชายแดนไทย-เมียนม่าร์
โดย สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศเมียนม่าร์ เพื่อเข้าสู่การพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ด้านชายแดนไทย – เมียนม่าร์ มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ที่อยู่ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดทำพื้นที่เศรษฐกิจการค้า การลงทุน การอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน เมืองเมียวดี มีความคึกคักไปด้วย ประชาชนหลากหลายอาชีพ มีทั้งร้านค้า ขายปลีก และขายส่ง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างใหม่มากมาย ซึ่งหากเทียบกับเมืองแม่สอด ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ การค้าชายแดนด้วยกัน ทำให้ เมียวดี กับ แม่สอด เสมือนเมืองคู่แฝด ที่มีความคล้ายคลึงกันมาก นอกจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้วรัฐบาลเมียนม่าร์ ยังออกกฎหมายใหม่ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในเมียนม่าร์ได้อย่างมั่นใจ
นายติ่นเย วิน ผู้อำนวยการเขตพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดเมียวดี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเมียนม่าร์ มีนโยบายให้การบริการด้านการค้าชายแดนทั้งหมด 15 จุด โดยเปิดให้การบริการด้านเอกสารต่างๆ การนำเข้า ส่งออก ภายใน 24 ชั่วโมง และมีรายได้จากการเก็บภาษาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากไม่ติดขัดกองกำลังชนกลุ่มน้อย ที่ติดอาวุธอยู่ตามแนวชายแดนไทย – เมียนม่าร์จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอีกนับหลายเท่าตัว
" ทุกวันนี้ มีสินค้าจำนวนมากเข้าไปในประเทศเมียนม่าร์ อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะผู้ประกอบการบางส่วนนำสินค้าผ่านแดนไปซึ่งผ่านพื้นที่ชนกลุ่มน้อย "
นางมะติ่น ติ่น เมียะ ประธานหอการค้าจังหวัดเมียวดี กล่าวว่า ทางการเมียนม่าร์ได้พัฒนาการพื้นที่ค้าชายแดนไปมาก และยังรอฝ่ายไทย ในหลายเรื่องที่พม่าต้องการคือ การสร้างสะพานมิตรภาพไทย – เมียนม่าร์ แห่งที่ 2 ซึ่งฝ่ายเมียนม่าร์ ได้กำหนดจุดรอไว้เรียบร้อยแล้ว คือ ตรงข้ามกับบ้านวังตะเคียน ตำบลท่าสายลวด
สำหรับในส่วนของสะพานแห่งที่ 1 ที่ต้องมีการแก้ไข เพราะทุกวันนี้ ฝ่ายผู้ประกอบการต้องเสียค่าใช้จ่ายมากในการขนส่งสินค้าจากฝั่งไทย ไปยังฝั่งเมียนม่าร์ เพราะสะพานมิตรภาพไทย พม่า แห่งที่ 1 บริเวณบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด รับน้ำหนักได้เพียง 25 ตัน ต่อ 1 คันรถบรรทุกสินค้า จากสภาพของสะพานที่ชำรุด ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง และขนส่งล่าช้า
นอกจากนี้ยังทำให้สินค้าได้รับความเสียหายมาก จึงต้องการให้ฝ่ายไทยรีบดำเนินการซ่อมแซมโดยเร่งงด่วน
สำหรับบรรยากาศที่ด่านพรมแดนไทย – เมียนม่าร์ ที่บริเวณบ้านริมเมย ขณะนี้มีความแออัดมาก มีปัญหาความไม่เป็นระบบ ระเบียบ รถบรรทุกสินค้า รถโดยสาร รถรับจ้าง และรถนักท่องเที่ยวปะปนกันไปหมด ทำให้เกิดปัญหาการจราจร และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ขณะที่ข้อเสนอภาครัฐ ภาคเอกชนฝ่ายไทยในพื้นที่ยังไม่ได้รับการสนองตอบ ท่ามกลาง รัฐมนตรี คณะกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต่างเดินทางลงไปดูพื้นที่หลายครั้งหลายครา
หากความก้าวหน้าในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนในส่วนของฝ่ายไทยยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งต่างกับฝ่ายเมียนม่าร์ มาก ที่พัฒนารุดหน้าไปกว่าไทย เนื่องมาจากเห็นความสำคัญของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( เออีซี. ) ที่เหลือเวลาอีกเพียงกว่า 1 ปีเท่านั้น
ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับพฤษภาคม 2557