Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   รวมพลคนไปฮัจย์ นำคุณค่าฮัจย์ สู่..สันติสุข

รวมพลคนไปฮัจย์ นำคุณค่าฮัจย์ สู่สันติสุข
 
                สำนักข่าวอะลามี่ : จุฬาราชมนตรี เปิดงานมหกรรมรวมพลคนไปฮัจย์ เพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ฮัจย์ พร้อมนำคุณค่าฮัจย์ มาสร้างสังคมให้เกิดสันติสุข

                วันนี้ 15 มีนาคม 2557  ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ภายในมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอาศิส   พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เป็นประธานเปิดงาน  มหกรรมรวมพลคนไปฮัจย์ โดย นายมีปรีชา  กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ตัวแทนประเทศซาอุดีอาระเบีย ตัวแทนตาบงฮัจย์มาเลเซีย ผู้นำศาสนา ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และผู้ที่ผ่านการไปประกอบพิธีฮัจย์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

                นายอาศิส   พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี  กล่าวว่า ในฐานะที่ฮัจย์เป็นรุกนอิสลามข้อที่ 5 ความสมบูรณ์ของฮัจย์จึงอยู่ที่ว่า ต้องกำเนิดมาจากความศรัทธาต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริง ยามลงมือปฏิบัติก็ทำได้ถูกต้องตามหลักการ และสุดท้ายผู้ที่บำเพ็ญฮัจย์แล้ว ต้องเป็นผู้สร้างสรรค์กุศลกิจและคุณประโยชน์ต่างๆแก่สังคมและแผ่นดินของตนเองด้วย   

                 สำหรับ มหกรรมรวมพลคนไปฮัจย์ครั้งนี้ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคม เป็นการจัดขึ้นครั้งแรกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และบริษัทผู้ประกอบการได้มีโอกาสมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน และนำคุณค่าการทำฮัจย์ สิ่งที่ได้จากการไปประกอบพิธีฮัจย์มาพัฒนาตนเอง พัฒนาครอบครัว พัฒนาสังคมให้เกิดสันติสุข

                ภายในงานมีกิจกรรมการเสวนา และการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการพัฒนากิจการฮัจย์ไทย และในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของนักวิชาการมุสลิม เช่น ดร.สรินทร์ พิศสุวรรณ นาย วัน มูหะมัดนอร์ มะทา การรวมกลุ่มของผู้ที่เคยผ่านการไปประกอบพิธีฮัจย์ และผู้ที่ประสงค์จะไปประกอบพิธีฮัจย์

                นอกจากนี้ ยังมี นิทรรศการฮัจย์ อาหารฮาลาล สถาบันการเงินอิสลาม สายการบิน ที่จัดเที่ยวบินฮัจย์ การประชุมของสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจย์ภาคใต้ การแนะนำขั้นตอนปฏิบัติในการเดินทางและข้อปฏิบัติประกอบพิธีฮัจย์ที่ถูกต้อง กิจกรรมการแสดงบนเวที สินค้าของดีชายแดนใต้ รวมทั้งจะมีผู้ประกอบกิจการฮัจย์ และผู้แทนจากสำนักงานตาบงฮัจย์ ประเทศมาเลเซียเข้าร่วม